คุณลักษ มารับเวลา บ่ายโมงครึ่ง ไปถึงวัด ประมาณ 4 โมงเย็น ได้คุยกับแม่ศรี แล้ว พบกับบอย เรือนนอนใหม่เปิดใช้ แต่คนจับจองกับเกือบหมด จับจองที่ด้านเสา คืนนี้ จะมีสวดยันเกราะเพชร และ อิติปิโส 108 หลังจากนั้นจนถึง ตีหนึ่ง แล้วสนทนากับ อ ตุ้ม คุณลักษ จนถึง เกือบตีสาม
31 ธค
เริ่มมีการเลี้ยงอาหารที่โรงทาน หลังทานอาหารเสร็จ ไปหาที่นั่งสมาธิ หลังสวนจักรวาล จนถึง บ่าย 4 โมง สูบบุหรีเหลือสองมวนสุดท้าย เราสูบตีวหนึ่งที่นี่ หลังออกจากสมาธิเดินไป แถวบ่อปลา ไปสูบมวนสุดท้ายที่นั่น ขณะโทรกลับมาหาแม่
คืนนี้อากาศเริ่มเย็น วรรณ ก็จะมาถึงตอน บ่ายสี่โมง เริ่มไปนั่งสวดข้ามคืนกันนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังกัน ส่วนเราพอถึงตีหนึ่งกว่าๆ ก็ไปเรือนนอนเพราะอากาศเย็นมาก
1 มค
พอถึงเช้าเจ็ดโมง ก็มาใส่บาตรพระอาจารย์ใหญ่ โดยใส่ปัจจัยที่แม่ให้มา และ เราใส่เหรียญบาท ลงในบาตร พระอาจารญ์ใหญ่ เพื่อเป็นการขอบาทฐานของเราให้ครบถ้วน แล้วมาช่วยคุณลักษ ใส่บาตรจนหมด แล้วไปทานข้าวที่โรงทาน เจอพ่อใหญ่ สนทนากับ แปปนึง เรา ก็ไปหาที่นั่งสมาธิ ที่เรือนนอน พอออกมาตอน บ่ายกว่าๆ ไม่เจอใครแล้ว ทานอาหารอีกสักหน่อย ก็ไปนั่งสมาธิที่ ศาลาทรงธรรม จนถึง 4 โมงเย็น ก็เข้าไปอาบน้ำที่เรือนนอน คืนนี้ มีสวดมนต์ทำบายศรี เราอยู่สวดอิติปิโส แต่ไม่ได้สวดบายศรี เพราะอากาศเย็นมาก เราเข้าไปนั่งสมาธิที่เรือนนอน
2 มค
ตอนเช้า ทานอาหารที่โรงทาน มีข้าวต้ม ไข่พะโล้ ลาบหมู พอกินเสร็จก็ไปนั่งสมาธิ ในโดมกลม นั่งอยู่สักพัก มีพระบวขใหม่รักษาตัว ท่านนึงเข้ามา เปิด แอร์ เปิดพัดลมให้ หน้าตาคล้ายๆ ป๋ามาก สนทนากับท่านสักพักเหมือนรู้สึกว่ากำลังคุญอยู่กับป๋า
ตอนบ่าย อ ปราณ๊เข้าสอน เราไปนั่งสมาธิ ตรงมณทป นั่งได้ดีมากทีเดียว แล้ว เข้ากราบพระอาจารญใหญ่รอบสุดท้าย พระอาจารย์ใหญ่พูดถึงเรื่อง ตาย หรือ กาย อะไรทำนองนี้ เราจับใจความไม่ได้ พระอาจารย์ใหญ่หันมาทางเรา กล่าวถึง กายไม่ตามใจจิต เป็นภาษาชาวบ้าน ไม่ทำตามอำเภอใจ มีสติอยู่ในวิหาระธรรม อันควร
ตอนเย็นมานั่ง หน้าสหกรณ์ ได้แสดงธรรม ให้กับ คนบวชใหมสองคน และ อาของตี๋ หลังจากนั้น ก็ไปสวดอิติปิโส 108 แต่ คุณลักษชวนเดินจงกลม เท้าเปล่า รอบศาลา ยันไปถึงเรือนนอน เราเดินได้ ห้ารอบ ทำให้เข้าใจว่า เดินเพิ่อสติ คือ เดินเพื่อกระตุ้นเส้นประสาทที่เท้านั่นเอง หลังจากจบ พยายามจะนั่งสมาธิที่ มณทป แต่ ยุงและอากาศเย็น จึงเข้าไปนั่งในเรือนนอน แต่คืนนี้ อากาศเย็นมาก และเราไม่ได้เตรียมผ้าห่มมา มีแต่ ผ้าขนหนูและเสื้อหนาว ไม่เพียงพอให้ความอบอุ่น จึงไม่สามารถนั่งสมาธิได้ดีเลย นอนบ้างนั่งบ้างจนถึงเช้า จึง อาบน้ำเตรียมตัวเดินทางกลับ ไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น หน้า ศาลาทรงธรรม และกลับมาเรือนนอน อาบน้ำ ไปทานข้าวเช้า ข้างนอกวัด หมูกรอบผัดกระเพา ไขเจียว เกาเหลา แล้ว เดินทางไปคุยกับพ่อใหญ่ที่บ้าน รุ่งพูดถึงสภาวะของเรานั้น จบ ไปนานแล้ว ต่อหน้า พ่อใหญ่และคุณลักษ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพ ถึงกรุงเทพ 12.30 โดยออกจากวัด แปดโมงเช้า