Ampol C.

สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 1
สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 2
กด ctrl ค้างเพื่อเปิด tab
กรรมฐาน หลวงปู่มั่น
การทำสมาธินานาชาติ
ลมหายใจ
การทำสมาธิ
บริกรรมยุบพองรู้

พระไตรปิฏกเล่ม 17
พระไตรปิฏกเล่ม 15
เสียงอ่านพระวจนะ
เสียงอ่านพระวจนะ
พระโมคาลานะ
พระไตรปิฏก-เทียบ



กุณทาลินี 7 จักระ
พลิกจิต
สมอง
ทฤษฎีอารมภ์
คัมภีร์นรลักษณ์ะ
คัมภีร์โยกย้ายเส้นเอ๊น
บริหารนิ้วข้อมือแบบนินจา








ฌาน นำทางให้เห็น จิต
เมื่อเห็น จิต ดวงตาธรรม จึงเพียงเริ่มเปิด
เมื่อจิต และ กาย แยกจากกัน จึงเพียงเริ่มต้น แห่งสัจจธรรม
บริสุทธิ์    อิสระ    หนัก-แฝงกับผัสสะ    แทงตลอด    ทิ้ง-สิ่งยึดติด อย่างวางใจ    สติ-แห่งจิต

เมื่อจิตพลิกแล้ว จะเห็น สิ่งต่างๆเป็นแสนเป็นล้าน เป็นสมมติ พร้อมกันเพียงเสี้ยววินาที
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา    (ศรัทธา วิริยะ) สติ (สมาธิ ปัญญา)    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา    นิโรธะคามินีปฏิปทา
ไืทเก็ก
  • อริยาบถของคนเราโดยทั่วไปแปรเปลี่ยนไปจากสามัญสู่ทั่วไป ดังนั้นการเริ่มต้นของวิชาไทเก็กจึงต้องปรับสภาพเข้าสู่สภาพเดิมคือจากทั่วไปสู่สามัญ ภาวะที่เป็นสามัญนั้นคือภาวะที่มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะขับเคลื่อนตัวไปในกระบวนวิชาไทเก็ก

  • เหตุที่คนเราโดยทั่วไปได้แปรเปลี่ยนจากสามัญสู่ทั่วไปก็เพราะว่ากิจกรรมของคนเราในสังคมที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปย่อมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ความเป็นธรรมชาติ ความเป็นสามัญของความเป็นมนุษย์ก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไป เป็นสภาวะผันแปรเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยของผู้คนลดน้อยถอยลง จากปกติซึ่งควรมีอายุได้ถึง 120 ปี ก็ลดลงมาโดยลำดับ

  • การสูญเสียพลังทางเพศที่เกินปกติมีผลต่อการทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยลดลงถึง 20 ปี ดังนั้นจักรพรรดิบางพระองค์ซึ่งแม้ว่าจะทรงสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สิ่งศฤงคาร ยาบำรุง และความรู้ทางวิชาการในการรักษาสุขภาพอนามัยมากมายสูงส่งสักปานใด แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งอายุขัยที่สั้นลงเอาไว้ได้ และทำให้เกิดสภาพอายุสั้นและสวรรคตก่อนวัย

  • การนอนน้อยเกินปกติอย่างต่อเนื่องยาวนานจะทำให้อายุขัยสั้นลงถึง 15 ปี แต่ถ้าอดนอนต่อเนื่องเพียง 5 วันหรือ 7 วันก็อาจถึงตายได้

  • การดื่มสุรามากเกินขนาดอย่างต่อเนื่องยาวนานย่อมลดทอนสุขภาพอนามัยและอายุขัยให้สั้นลงถึง 10 ปี ในขณะที่การสูบบุหรี่ กัญชา ซิก้าร์ บั่นทอนสุขภาพอนามัยและทำให้อายุขัยสั้นลงไม่เกิน 5 ปี

  • การกินอาหารของยักษ์มารคือเนื้อ นม ไข่ อย่างต่อเนื่องยาวนาน มีผลทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยสั้นลง 20 ปี การกินผัก ปลา ซึ่งเป็นอาหารของมนุษย์ทำให้สุขภาพอนามัยอายุขัยเป็นสามัญ ในขณะที่การกินผัก หญ้า ซึ่งเป็นอาหารเทวะทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยยืนยาวถึง 20 ปี

  • การอยู่ในที่สภาวะอากาศไม่บริสุทธิ์หรือเป็นพิษอย่างต่อเนื่องยาวนานอาจทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยสั้นลงถึง 40 ปี

  • ความมีจิตใจที่สงบเยือกเย็นเบิกบาน ไร้ความเครียดกังวล มีความปิติยินดี มีความสุขอันเกิดแต่วิเวกหรือเกิดแต่สมาธิ จะทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยยืนยาวถึง 20 ปี หรือกว่านั้น ขึ้นอยู่กับระดับภูมิธรรมแห่งจิตที่ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพระหว่างร่างกาย ปราณ และจิตมากน้อยเพียงใด

  • การออกกำลังกายแต่พอประมาณทำให้สุขภาพอนามัยและอายุขัยยืนยาวได้ 15 ปี แต่ถ้ามากเกินควรก็อาจทำให้ตายได้โดยฉับพลัน และทำให้อายุขัยสั้นลงถึง 5 ปี

  • ความผันแปรเปลี่ยนแปลงของคนเราตามสภาวการณ์ของสังคมทำให้เกิดสภาพบวกลบของสุขภาพอนามัยและอายุขัย และผันแปรไปตามการประพฤติปฏิบัติของแต่ละคน นี่ก็เป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งแห่งวิชาไทเก็ก เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สุขภาพอนามัยดีมีอายุขัยยาวนาน หรือสั้นลงกว่าปกติที่ควรเป็น

  • เพราะความคราคร่ำหมกมุ่นอยู่ในวังวนของชีวิตประจำวันจึงทำให้ความเป็นสามัญที่เปี่ยมไปด้วยความพร้อมของร่างกายตกอยู่ในวังวนแห่งความเป็นทั่วไปตามสภาพชีวิตประจำวันด้วย ทำให้ขาดความพร้อมในการขับเคลื่อนพลังและวิชาไทเก็ก เพราะเหตุนี้จึงต้องปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายจากทั่วไปสู่สามัญเป็นเบื้องต้นก่อน

  • สามัญลักษณะคือว่างกับนิ่ง ว่างกับนิ่ง เหมือนไร้พลัง เหมือนไร้การเคลื่อนไหว แท้จริงกลับเปี่ยมด้วยพลัง และเปี่ยมด้วยการเคลื่อนไหวที่ทรงพลังด้วย

  • คนทั่วไปไม่รู้จักความว่าง ทั้งที่ความว่างยิ่งใหญ่ ไร้ขอบเขต ไร้ข้อจำกัดใด ๆ

    ผืนดิน แผ่นน้ำ แม้กว้างใหญ่ แต่น้อยนิดเมื่อเทียบกับพื้นผิวพิภพ

    พื้นผิวพิภพอันประกอบขึ้นเป็นเครื่องห่อหุ้มโลกเรานี้แม้กว้างใหญ่ แต่น้อยนิดเมื่อเทียบกับระบบสุริยะ (Galaxy) อันยิ่งใหญ่

    ระบบสุริยะอันยิ่งใหญ่นี้ยังเป็นเพียงส่วนน้อยนิดและส่วนเดียวของหมื่นแสนระบบสุริยะหรือหมื่นแสนโลกธาตุ อันหาที่สุดมิได้

    หมื่นแสนโลกธาตุหรือหมื่นแสนระบบสุริยะอันยิ่งใหญ่นั้นตั้งอยู่ที่ไหนเล่า

    ก็ตั้งอยู่ในความว่างนั่นเอง นี่คือความว่างทางกายภาพหรือทางฟิสิกส์

    ซึ่งเป็นความว่างเพียงชนิดหนึ่งชนิดเดียวในบรรดาความว่างทั้งหลาย

    ในร่างกายของเรานี้ก็มีความว่างที่ยิ่งใหญ่

    ความว่างหนึ่งคือความว่างภายในอณูและระหว่างอณูอันประกอบเข้าเป็นร่างกายนี้

    อีกความว่างหนึ่งซึ่งยิ่งใหญ่กว่าคือความว่างแห่งจิต

    จิตไร้อานุภาพ อ่อนแอ หงอยเหงาเศร้าซึม ก็เพราะขาดไร้ซึ่งความว่าง

    เมื่อใดจิตถึงซึ่งภาวะความว่างอันยิ่งใหญ่หรือวิมุตตะมิติแล้ว เมื่อนั้นจิตก็มีอานุภาพยิ่งใหญ่

    อย่างน้อยที่สุดสามารถสำแดงฤทธิ์ต่าง ๆ อันพ้นวิสัยมนุษย์ธรรมดาได้

    คนเดียวแปลงเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนทำเป็นคนเดียวก็ได้ ลอยไปในอากาศก็ได้ เดินไปบนผิวน้ำก็ได้ แทรกตัวไปในภูเขาหรือดำลงไปในแผ่นดินก็ได้ กำบังตนก็ได้

    สามารถได้ยินเสียงทิพย์และเสียงมนุษย์อันล่วงพ้นโสตมนุษย์ก็ได้ สามารถเห็นโลกทั้งหลายและสัตว์ทั้งหลาย ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต อันล่วงพ้นจักษุมนุษย์ก็ได้ มีฤทธิ์มาก สามารถลูบคลำดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็ได้ สามารถไปถึงพรหมโลกด้วยนามกายก็ได้

    อา! ความว่างช่างยิ่งใหญ่และมีอานุภาพสุดประมาณนัก

    แล้วไยคนเราไม่ศึกษา ไม่ทำความเข้าใจ และไม่เข้าถึงความว่างเล่า?


  • ลูกเกาทัณฑ์ที่เคลื่อนไหวไปด้วยแรงยิง สุดแรงแล้วก็ร่วงหล่นลง

    เกาทัณฑ์เคลื่อนไปด้วยแรงและพลังและร่วงหล่นลงเมื่อสิ้นแรงพลัง

    ความเคลื่อนไหวคือความเริ่มต้นของการร่วงหล่นและสิ้นพลัง

    ความนิ่งต่างหากคือความเริ่มต้นของแรงและพลังทั้งปวง
  • ความว่างและความนิ่งคือสามัญลักษณะที่พึงเข้าถึง จึงสามารถเปล่งอานุภาพแห่งท่าร่างและกำลังภายในของไทเก็กได้อย่างสมบูรณ์ และเพราะเข้าถึงความนิ่งและความว่าง อายุขัยจึงยืนยาวอย่างแท้จริง นั่นคือการบรรลุถึงสุดยอดวิชาไทเก็ก.


บทที่ 4. คัมภีร์ไท่จี๋ฉวนหลุน


1. คัมภีร์ไท่จี๋ฉวนหลุน เป็นคัมภีร์บทขยายของคัมภีร์ไทจี๋ฉวนจิง บัญญัติโดยหวางจงเยี่ย แห่งเมืองเหอหนาน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง คศ. 1736-1795 เป็นศิษย์สายตรงคนสำคัญของปรมาจารย์เตียซำฮง

เนื่องจากเคล็ดวิชาไทเก็กนั้นลึกซึ้ง ล้ำลึก และประณีตยิ่งนัก แม้ในยุคสมัยใกล้เคียงกับยุคสมัยที่ปรมาจารย์เตียซำฮงยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีความเข้าใจที่สับสนกันเป็นอันมาก หวางจงเยี่ยจึงได้แต่งคัมภีร์ไท่จี๋ฉวนหลุนขึ้นอีกฉบับหนึ่ง อรรถาธิบายขยายความคัมภีร์ไทเก็กของปรมาจารย์เตียซำฮงให้กว้างและละเอียดขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

ซุนผู้นิรนามได้แปลคัมภีร์ไท่จี๋ฉวนหลุนออกเป็นภาคไทย ต่อเนื่องจากการแปลคัมภีร์ไท่จี๋ฉวนจิง ดังที่จะได้นำมาเสนอดังต่อไปนี้

๐ ไท่จี๋ มาจาก ยิ่งใหญ่สุดยอด
หวู่จี๋ No Extremities คือความว่าง สุดยอด
และเป็นมารดาของหยินและหยาง

๐ กระบวนท่าคล้อยตามเกาะติด
ในความเคลื่อนไหวมันแยกจากกัน
ในความหยุดนิ่งมันหลอมรวมกัน
ไม่ขาดไม่เกิน
ดังนั้น
ยามมันงอ มันพลันเหยียดตรง
เมื่อปรปักษ์แข็งมา ข้ากลับอ่อน
นี่เรียกว่าการคล้อยตามเกาะติด (โส่ว)

๐ กระบวนท่าเกาะติดอ่อนตาม
เมื่อข้าติดตามปรปักษ์
และเขาหมุนตัวกลับ
นี่เรียกว่าการเกาะติดอ่อนตาม (เหนียน)

๐ ถ้าปรปักษ์เคลื่อนไหวรวดเร็ว ก็ตอบโต้เร็วตาม
ถ้าเขาเคลื่อนไหวเชื่องช้า ก็เชื่องช้าตาม
แม้นว่าการเปลี่ยนแปลงมีมากมาย
หลักการที่ครอบคลุมมันมีเพียงหนึ่งเดียว

๐ จากความคุ้นเคย กับการสัมผัสที่ถูกต้อง
จะค่อย ๆ เข้าใจ กำลังภายในทีละน้อย
จากความเข้าใจในกำลังภายใน
ย่อมสามารถเข้าถึงภูมิปัญญา
ปราศจากการฝึกหนักและยาวนานต่อเนื่อง
ย่อมไม่สามารถเข้าใจมันได้ทันที
กำลังภายในบรรลุถึงกระหม่อมโดยไม่ต้องพยายาม
ปล่อยให้ลมปราณจมลงสู่ตันเถียน
อย่าเอนเอียงไปในทิศทางใด ๆ
บัดเดี๋ยวปรากฏ
บัดเดี๋ยวสูญหาย
ทำด้านซ้ายให้ว่าง
เมื่อใดที่ปรากฏแรงดัน เฉกเช่นด้านขวา

๐ ถ้าปรปักษ์ยืนขึ้น ข้าจะดูสูงกว่า
ถ้าเขาย่อตัวลง ข้าจะดูต่ำเตี้ยกว่า
รุกไปข้างหน้า ระยะทางดูไกล อย่างไม่น่าเชื่อ
ก้าวถอยหลัง ระยะทางดูใกล้ขึ้นอย่างยิ่งยวด
วัตถุที่เบาดั่งขนนกมิอาจวางลง
และแมลงที่เล็กดั่งแมลงวัน
มิอาจบินเกาะบนส่วนใด ๆ ของร่างกายได้เลย

๐ ปรปักษ์ไม่รู้จักข้า
ข้ารู้จักเขาฝ่ายเดียว
การเป็นจอมยุทธ์ไร้เทียมทาน เป็นผลจากสิ่งนี้

๐ มีวิทยายุทธ์เป็นอันมาก
แม้นว่ามันใช้รูปแบบที่แตกต่างกัน
ส่วนใหญ่แล้วไม่พ้นไปจากผู้เข้มแข็งข่มผู้อ่อนแอ
และผู้เชื่องช้ายอมตามผู้ที่ว่องไวกว่า
ผู้เข้มแข็งโค่นล้มผู้อ่อนแอ
และมือที่เชื่องช้ายินยอมต่อมือที่ว่องไว
ทั้งหมดล้วนเป็นผลของสมรรถภาพทางกายที่แฝงเร้นอยู่ภายใน
ไม่ใช่ผลทางเทคนิคที่ฝึกฝนมาอย่างดี

๐ จากวลีที่ว่า “สี่ตำลึง ปัดพันชั่ง” (ใช้แรงน้อยปัดแรงมาก)
เราจึงรู้ว่าเทคนิคมิได้สำเร็จด้วยพละกำลัง
ภาพของคนชราโค่นล้มกลุ่มคนหนุ่ม
จะเนื่องมาจากความว่องไวได้อย่างไร

๐ ยืนให้สมดุล และหมุนอย่างขันแข็งดั่งล้อรถ
การจมลงด้านหนึ่งคือการตอบโต้
การรับน้ำหนักพร้อมกัน 2 ขา คือภาวะนิ่งงันอันเฉื่อยชา
ผู้ใดที่ใช้เวลาหลายปีฝึกฝน
แต่ยังคงไม่สามารถปัดป้องได้
และถูกปรปักษ์ ควบคุมเอาไว้เสมอ
เพราะไม่เข้าใจ
ข้อผิดพลาด ของการรับน้ำหนักพร้อมกัน 2 ขา
เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดนี้
ต้องเรียนรู้ หยินและหยาง
หยินและหยางเสริมช่วยเหลือกัน และเปลี่ยนแปลงกันและกัน
จากนั้นท่านย่อมพูดได้ว่า
ท่านเข้าใจกำลังภายใน
หลังจากท่านเข้าใจกำลังภายใน
ยิ่งฝึกฝนมากก็ยิ่งชำนาญมาก
สะสมความรู้อย่างเงียบ ๆ
และหมั่นทบทวน
ท่านจะค่อย ๆ ทำตามที่ต้องการได้เอง

๐ เดิมทีคือการละวางตัวเอง
เพื่อติดตามคนอื่น
คนส่วนใหญ่ละทิ้งที่ใกล้ เพื่อแสวงหาที่ไกล
กล่าวกันว่า
“พลาดเพียงเล็กน้อย จะออกนอกทางไปหลายลี้”
ผู้ฝึกฝนต้องศึกษาอย่างระมัดระวัง นี่คือตำรา (หลุน)

๐ จิตใจระดมพลังลมปราณ ทำให้ลมปราณจมลงอย่างราบเรียบ
แล้วมันจะรวมกัน
และซ่านซึมสู่กระดูก
ลมปราณระดมพลังร่างกาย
ทำให้มันเคลื่อนไหวอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นมันจึงทำตาม
คำบงการของจิตใจได้ง่าย

๐ จิตหยั่งรู้ และลมปราณ
ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างคล่องแคล่ว
จึงจะมีความยอดเยี่ยม
ของความกลมและความราบรื่น
นี่เรียกว่า
“การเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ไร้ตัวตน และสิ่งที่มีตัวตน”

๐ จิตใจคือผู้บัญชาการ
ลมปราณคือธง
และเอวคือแผ่นป้ายผ้า
เอวเฉกเช่นเพลา
และลมปราณดุจดั่งล้อ
ลมปราณได้รับการบำรุงเลี้ยงอยู่เสมอ
โดยปราศจากภยันตราย
ปล่อยให้ลมปราณเคลื่อนไหว
เฉกเช่นไข่มุกเปล่ง 9 ประกาย
โดยไม่ติดขัด
จึงไม่มีส่วนใดของร่างกายที่มันไปไม่ถึง

๐ ในการเคลื่อนไหว
ลมปราณแนบติดหลัง
และซึมซ่านสู่กระดูกสันหลัง
กล่าวกันว่า “อยู่ในใจก่อน”
แล้วจึงอยู่ในร่างกาย
ผ่อนคลายท้อง
แล้วลมปราณจะจมลงสู่กระดูก
เมื่อจิตวิญญาณผ่อนคลาย
ร่างกายจะสงบ
มันอยู่ในใจเสมอ

๐ ความสามารถที่จะหายใจอย่างเหมาะสม
นำไปสู่ความคล่องแคล่ว
อ่อนที่สุด
จึงกลายเป็น
เข้มแข็งที่สุด.

บทที่ 3. คัมภีร์ไทเก็ก (ไท่ จี๋ ฉวนจิง)
บทความ - เคล็ดวิชามวยไทเก็ก
เขียนโดย ปรมาจารย์เตีย ซำ ฮง (จาง ซาน ฟง)   
วันเสาร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๕:๔๗ น.


บทที่ 3. คัมภีร์ไทเก็ก (ไท่ จี๋ ฉวนจิง) ของปรมาจารย์ จาง ซาน ฟง
บัญญัติในรัชสมัยของพระเจ้าซ่งฮุ่ยจง

คัมภีร์ไทเก็กที่บัญญัติโดยปรมาจารย์เตียซำฮงนั้นเป็นภาษาจีน ประกอบด้วยตัวอักษร 140 ตัวอักษร เป็นภาษาจีนโบราณในยุคราชวงศ์ซ้อง ดังนั้นความหมายของภาษาในยุคนั้นจึงอาจมีความหมายแตกต่างกับความเข้าใจในภาษายุคปัจจุบัน ซุนผู้นิรนามได้พยายามทุ่มเทแปลคัมภีร์มวยไทเก็ก หรือไท่จี๋ฉวนจิง หรือไทเก็กจินเก็งออกมาเป็นภาคไทยเมื่อหลายปีก่อน

ดังนั้นเมื่อจะทำความเข้าใจและศึกษาวิชาไทเก็ก จึงต้องศึกษาจากคัมภีร์หลักที่ปรมาจารย์เตียซำฮงเป็นผู้บัญญัติเป็นเบื้องต้น จากนั้นจึงค่อยพิจารณาทำความเข้าใจแล้วฝึกฝนในการปฏิบัติ ซึ่งมีคำอธิบายและมีผู้รู้มากมายได้ตั้งแต่งคำอธิบายและอบรมสั่งสอนอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนี้

ในบทที่ 3. นี้จึงเป็นบทที่ว่าด้วยคำแปลคัมภีร์ไทเก็กจินเก็ง หรือไท่จี๋ฉวนจิง ของปรมาจารย์เตียซำฮง ซึ่งซุนผู้นิรนามได้แปลไว้ดังจะนำมาเสนอโดยลำดับดังนี้

  • ในความเคลื่อนไหว ทุกส่วนของร่างกายต้องเบา
    คล่องแคล่ว และร้อยรัดเป็นหนึ่งเดียว

  • พลังลมปราณ ควรถูกกระตุ้น
    จิตวิญญาณ ควรรวมอยู่ภายใน
    ท่าร่าง ๆ ต่าง ๆ อย่าให้ขาดตอน หรือมีช่องโหว่
    ยุบหรือยืน หรือท่วงท่าต่อเนื่อง และไม่ต่อเนื่อง

  • การเคลื่อนไหว ควรหยั่งรากที่เท้า
    ปล่อยผ่านขา ควบคุมด้วยเอว
    และสำแดงผ่านนิ้วมือ

  • เท้า ขา และเอว ต้องกระทำการเคลื่อนไหวร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง
    เพื่อให้ขณะที่ก้าวไปข้างหน้าหรือข้างหลัง จังหวะและตำแหน่งจะได้ถูกต้อง
    ถ้าจังหวะและตำแหน่งไม่ถูกต้อง ร่างกายจะระส่ำระส่าย
    และต้องค้นหาจุดบกพร่องที่ขาและเอว
    ขึ้นหรือลง หน้าหรือหลัง ซ้ายหรือขวา ล้วนเหมือนกัน

  • ทั้งหมดล้วนเป็นจิตหยั่งรู้
    ย่อมไม่ใช่สิ่งภายนอก
    ถ้ามีขึ้น ย่อมมีลง
    ถ้ามีขึ้นหน้า ก็มีถอยหลัง
    ถ้ามีซ้ายก็มีขวา
    ถ้าจิตหยั่งรู้ อยากขึ้นบน ในขณะเดียวกัน มันก็ประกอบด้วยความคิดที่จะลงล่าง

  • หากมีการสลับพลัง ดึงและผลัก
    รากย่อมคลอนแคลน
    และวัตถุนั้นจะล้มลงอย่างรวดเร็ว โดยมิต้องสงสัย

  • สิ่งที่ไร้ตัวตนและสิ่งที่มีตัวตน ควรจำแนกให้ชัดเจน
    ที่แห่งหนึ่ง มีสิ่งที่ไร้ตัวตน และสิ่งที่มีตัวตน
    ทุกหนทุกแห่ง มีสิ่งที่ไร้ตัวตน และมีรูปแบบของสิ่งที่มีตัวตนอย่างเดียวกัน
    ทุกสัดส่วนของร่างกายร้อยรัดเข้าด้วยกัน โดยไม่ขาดช่วงแม้แต่น้อย

  • ไทเก็ก (ไท่จี๋ฉวน หรือฉางฉวน) เฉกเช่น แม่น้ำสายใหญ่
    ที่หมุนวนอย่างไม่ขาดสาย

ปิดสกัดปัดป้อง (เผิง)
ฉุดดึงกลับ (หลี่)
เบียดดัน (จี๋)
ผลักออก (อั้น)
ดึง (ไช่)
แยกมือแยกร่าง (เลี๊ยะ)
ศอก (โจ่ว)
ไหล่ (เค่า)
คือ 8 ประตู 8 ลักษณะ (อัฏฐลักษณ์)

  • ก้าวขึ้นหน้า ก้าวถอยหลัง
    มองซ้าย แลขวา
    และดุลยภาพศูนย์กลางคือ 5 ธาตุ


  • “เผิง หลี่ จี๋ อั้น” คือ
    สวรรค์ (เฉียน) แผ่นดิน (คุณ)
    ไฟ (หลี) น้ำ (กัน)
    และเป็นทิศหลักทั้ง 4 คือ
    ตะวันออก
    ตะวันตก
    เหนือ
    ใต้

  • ไช่ เลี๊ยะ โจ่ว เค่า คือ
    ลม (ซุ่น)
    สายฟ้าร้อง (เจิ้ง)
    ทะเลสาบ (ตุ้ย)
    ภูเขา (เกิน)
    คือทิศเฉียงทั้ง 4 ได้แก่ อาคเนย์ หรดี พายัพ และอีสาน

  • ก้าวขึ้นหน้า เดินถอยหลัง
    มองซ้าย แลขวา
    ดุลยภาพอยู่ ณ ศูนย์กลาง
    คือธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน
    รวมกันแล้ว เหล่านี้ประกอบขึ้นเป็น 13 ท่าร่าง

  • บทเพลง 13 กระบวนท่า หรือ 13 ท่าร่าง คือ
    1. เผิง คือ ปัดป้อง ปิดสกัด
    2. หลี่ คือ ฉุด ดึงกลับ
    3. จี้ คือ เบียด กด
    4. อั้น คือ ผลัก กระแทก
    ทั้ง 4 กระบวนท่านี้รวมเรียกว่าท่าคว้าจับหางนกกระจอก

    5. ไช่ คือ ฉุดลงร่าง
    6. เลียะ คือ แยกฝ่ามือ แยกร่าง
    7. โจ่ว คือ ฟันศอก
    8. โค่ว คือ ไหล่กระแทก
    ทั้ง 4 กระบวนท่านี้เมื่อรวมกับ 4 กระบวนท่าแรก รวมเรียก 8 ประตู หรือ 8 ลักษณะ

    9. เหลียวซ้าย
    10. แลขวา
    11. รุดหน้า
    12. ถอยหลัง
    13. ตั้งมั่นตรงกลาง

  • กระบวนท่าก้าวเท้า 5 ท่า
    1. หม่าปู้ คือ ยืนนั่งม้า
    2. กงปู้ คือ ยืนคันธนู
    3. ติงปู้ คือ ยืนพักเท้า (เข่าผ่อนคลาย)
    4. ภูปู้ คือ ยืนส้นเท้ากดต่ำ
    5. ชิปู้ คือ ปลายเท้าแตะพื้นเบา ๆ

เหล่านี้คือคำแปลภาษาไทย โดยซุนผู้นิรนาม จากต้นฉบับภาษาจีนของคัมภีร์ไทเก็กจินเก็ง หรือไท่จี๋ฉวนจิง ของปรมาจารย์เตียซำฮง ซึ่งจักได้พรรณนาต่อไป.


http://www.paisalvision.com/content/pugilism/2959--3-.html

๑. 起势 ขึ้น ๒. 抱球势 อุ้มลูกบอล ๓. 单推势 พลักเดี่ยว ๔. 探势 ตาม ๕. 托势 โอบ ๖. 扑势 ตี ๗. 担势 รับ ๘. 分势 แยก ๙. 云势 เมฆ ๑๐. 化势 สลาย ๑๑. 双推势 พลักคู่ ๑๒.下势 ลง ๑๓. 收势


www.youtube.com/embed/azCsE98qwus


http://www.youtube.com/watch?v=ufhAXyrDG3E


http://www.youtube.com/watch?v=7zQpae3xFLU


http://www.youtube.com/watch?v=yktUHOiweHw


http://www.youtube.com/watch?v=ejB-jBtZqqU#t=108


http://hechangbao123.blog.163.com/blog/static/236321792011822102854630/

วิถีเซียน
18 6 2025
Welcome Guest
Main | Sign Up | Login
เปลี่ยน uID ให้ไปที่ ucoz.com
โดย logout ก่อน
Login form
Calendar
Entries archive
Tag Board
Search
mp3
Changing Partner

nonCopyright © 2025
Make a free website with uCoz