Ampol C.

สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 1
สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 2
กด ctrl ค้างเพื่อเปิด tab
กรรมฐาน หลวงปู่มั่น
การทำสมาธินานาชาติ
ลมหายใจ
การทำสมาธิ
บริกรรมยุบพองรู้

พระไตรปิฏกเล่ม 17
พระไตรปิฏกเล่ม 15
เสียงอ่านพระวจนะ
เสียงอ่านพระวจนะ
พระโมคาลานะ
พระไตรปิฏก-เทียบ



กุณทาลินี 7 จักระ
พลิกจิต
สมอง
ทฤษฎีอารมภ์
คัมภีร์นรลักษณ์ะ
คัมภีร์โยกย้ายเส้นเอ๊น
บริหารนิ้วข้อมือแบบนินจา








ฌาน นำทางให้เห็น จิต
เมื่อเห็น จิต ดวงตาธรรม จึงเพียงเริ่มเปิด
เมื่อจิต และ กาย แยกจากกัน จึงเพียงเริ่มต้น แห่งสัจจธรรม
บริสุทธิ์    อิสระ    หนัก-แฝงกับผัสสะ    แทงตลอด    ทิ้ง-สิ่งยึดติด อย่างวางใจ    สติ-แห่งจิต

เมื่อจิตพลิกแล้ว จะเห็น สิ่งต่างๆเป็นแสนเป็นล้าน เป็นสมมติ พร้อมกันเพียงเสี้ยววินาที
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา    (ศรัทธา วิริยะ) สติ (สมาธิ ปัญญา)    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา    นิโรธะคามินีปฏิปทา
เมษ 2557
31 สค 2557

เที่ยวนี้ ไปกับ คุณลักษ เหลียง เพื่อนเหลีง ไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันเต็มที่ แล้วนั่งสมาธิที่ศาลาทรงธรรม ฝนตก เล้กน้อย อากาศเย็นสดชื่นดีมาก

ตอนเช้า ไปวัดชีพจร วัดได้ 46 ทำการวัดถึง 5 ครั้ง มือจับชีพจรเต้นได้ 52

เข้ากราบพระอาจารใหญ่ ถามเรือง ชีพจรเต้น 72 ลดลงเหลือ 46 ผิดปกติหรือไม่? พระอาจารย์ใหญ่ตอบว่า ไม่ผิดปกติ จะเต้นช้าลงเรื่อยๆ จนไม่เต้น แต่จะไม่ตาย ทำให้เหมือนแท่งเทียนไม่มีไส้ เหลือแต่แท่งเทียน และให้เจริญเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

23 สค 2557

เที่ยวนี้ไปกับ บุ้งและคุณลักษณ์ ไม่เจอพ่อใหญ่ ตอนเช้าวัด วัดชีพจรเต้นได้ 55 11 - 12 สค 2557

เรื่องของตั๊ก นั้น เกี่ยวข้องกับ กรรมเก่า ที่เราทำไว้กับ สุกัญญา นี่เอง ที่เอา จดหมาย ของสุกัญญา มาให้คนอื่นดู เพียงเพื่อ ปลดปล่อยอารมภ์อยากอวดอ้างและปิติ ของตนเอง ส่วนตั๊กจะเป็นทายาทรับกรรมนี้ สืบไป กรรมตรงนี้เราจบสิ้นแล้ว ตั๊กเข้าสู่ความหลงใหล อย่างสมบูรณ์ จากอาภัพและปมด้อยของตนเอง บวกกับ การเจอกับคำแนะนำที่มีนัยแอบแฝง เข้าสู่ ธรรมอันเป็นเครื่องเนิ่นช้า โดยบริบูรณ์ ไม่สามารถให้การกรุณา ต่อไปได้ เนื่องจากขันธ์ เป็นผู้บังคับวิถีจิต แบบถอนออกไม่ได้

ทริปนี้ ไปกับคุณลักษ และคุณลักษ ชวน ตั๊กไปด้วย แต่เราไม่ข้องเกี่ยวอะไรตรงนี้อีกแล้ว ด้วยเจียมตัวเราเองเห็นแล้วว่า เราแท้จริงแล้ว ยังมีฐานะต่ำต้อยที่สุด เคยหลงสำคัญตนผิดไป เราเลยปลีกตัวออกห่าง คนผู้มีบุญวาสนามากมายเหล่านี้ จะดีกว่า เซงอยู่เหมือน ปมด้อยและอาภัพ ของเรานี่ ทั้งจน และไร้คนห่วงใยด้วยใจจริง แต่คงเคยไปทำคนอื่นไว้เยอะ ในอดีตชาติ ที่จำไม่ได้ซะแล้ว แต่วิบากยังต้องรับอยู่

สิ่งที่ พระอาจารย์ใหญ่พาดพิงถึงเรา ครั้งนี้ คือ การกำหนดจิตสำหรับเรา เพื่อให้จิตพลิกครั้งสุดท้าย คือ ใช้อำนาจจิต หยุดการสืบต่อ แห่ง ปฏิจจสมุปบาท


คืนพฤ 9 กค 2557 - 11 กค (อาสารฬหบูชา และเข้าพรรษา)
ทริปนี้ เป็นทริป พิเศษ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะไป แต่มีนิมิตบอกเหตุให้ไป เพราะวันนั้น ทำอะไรอื่นไม่ได้เลย เลยตัดสินใจไป ตามคำชวนคุณลัก และไปรับตี๊ที่เดอะมอลล์ ไฮไลของทริปนี้ คือ การได้นั่งสมาธิได้มั่นคงและนิ่ง เจอ โส วรรณ พ่อใหญ่ ได้แสดงธรรมให้พี่สาวของตี๋
สภาวะธรรม มิย 2557

หลังจากที่ อินทรีย์5 เริ่มมั่นคง, พละ5 เริ่มแสดงกำลังทางจิต ทำให้เกิดอาการ ดับเย็นภายในลำตัว ทำให้เริ่มรู้สึกถึง การสลัดคืน ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร บวกกับ สภาวะการเข้าอรูปฌานเริ่มเด่นชัดขึ้น โดย ก่อนที่จะเริ่มเข้าฌานนั้น จะมีอาการต่อต้าน คือ มีม่านภวัง หรือ กลุ่มมวลภวัง มาขวางทำให้รู้สึกมีอาการ ฝืดๆ ฝืนๆ มีแรงเสียดทานต่อต้าน เหมือนความง่วง แต่ไม่ใช่ความง่วง เพราะสติยังบริบูรณ์ ถ้าผ่านม่านตัวนี้ได้ น่าจะเข้าไปสู่อรูปฌานได้เลย

การได้รับฟังธรรมจาก พระสารีบุคร หลวงพ่อโต หลวงปุ่มั่น และ หลวงปุ่วิริยังค์ ทำให้เข้าใจสภาวะธรรมและการดำเนินไปของสภาวะธรรมที่เป็นอยู่ ตามที่พระพุทธเจ้าให้แนวทางไว้ ว่ากำลังเป็นไปตามนั้น ไม่หลงทาง


12-14 พค (ภาระกิจ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะไป แต่ตั๊กชวนเพราะอยากไปมาก)

เราให้ความสำคัญกับตั๊กมาก เพราะ เราเป็นศิษย์พระอาจารย์ใหญ่รุ่นเดียวกัน และตั๊กเป็นคนเดียว ที่ดูเหมือนจะมีศักยภาพ ทั้ง ปัญญา และ อภิญญา ซึ่งจะเกื้อกูลไปกะเรา จนเข้าสู่นิพพาน ทั้งคู่

ทริปนี้ไปกับ ตั๊ก เริ่มเดินทางตั้งแต่ 8.30 ไปพักรถ ที่ปั้มปตท ที่เดิม แค่แวะทานอาหารรองท้อง ไปถึงวัด 12.00 เจอพ่อใหญ่แล้วสนทนาธรรม ตั๊กโดนทดสอบอารมภ์ของความเป็นอริยะโดยพ่อใหญ่ด้วยคำถามที่ว่า ทำตรงนี้ได้รึยัง คือจิตบริสุทธิ์จนเป็นปกติ ถึงบ่ายสามบ่ายสี่ประมาณนี้ แล้วแยกตัวไปนั่งสมาธิที่ ศาลาทรงธรรม กันกับตั๊ก แล้วเตรียมตัวสวดข้ามคืน ด้วยกัน ตั้งใจว่าจะลอยโคม แต่คืนนั้นไม่ได้ลอย นั่งสนทนาธรรม กับ อ ตุ้มและคนอื่นๆ ขณะรอเวลา อ ตุ้มขึ้นสวด พอตอนประมาณตีสอง ก็เริ่มจองที่กันใส่บาตรพระอาจารย์ใหญ่ คุณลักษ มาถึง ประมาณ เที่ยงคืน

เมื่อใส่บาตรพระอาจารย์ใหญ่เสร็จ ก้อไปโรงทานกับตั๊ก ไปทานอาหารเช้า และก้อไปนั่งพักทำสมาธิแถวท่าน้ำ ตั๊กชวนอยู่ต่ออีกคืน ตอนบ่ายพระอาจารย์ใหญ่ลงรับ การทอดผ้าป่า นั่งสมาธิที่เดิมประมาณเสาต้นที่สอง เมื่อพิธีเสร็จเดินไปข้างหลังเจอ ตั๊กนั่งอยู่คนเดียวด้านหลัง เลยเข้าไปสนทนา ในเรืองการทำวิปัสสนาที่ตำแหน่งจิตบริสุทธิ์ เนื้องจากตั๊กบอกว่าซึ่งจนน้ำตาไหลเมื่อเห็นพระอาจารย์ใหญ่จับผ้าจีวร เลยบอกว่าตำแหน่งนั้นแหละคือตำแหน่งทำวิปัสสนา หลังจากนั้นมานั่งที่โรงทาน คุยกับดา หลังจากนั้นได้คุยเรืองส่วนตัวอีกเล็กน้อย ตั๊กพยายามจะคุยต่อขณะเริ่มการสวดมนต์ทำวัดเย็น เสียดายที่ไม่สามารถฟังจนจบได้ และ รอสวดมนต์ข้ามคืนอีกคืน และคืนนี้กับตั๊กเพียงสองคนได้ลอยโคมด้วยกัน

เช้าวันสุดท้าย ไปเดินสวนหินกับตั๊กกันสองคน เดินจงกลมกันไปได้สนทนากันไปอยู่นาน ในเรืองของจิตบริสุทธิ์ และ การใช้ชีวิตที่เหลือหลังจากจิตนั้นบริสุทธิ์แล้ว แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการครองคู่ในหลายด้าน นับเป็นเช้าที่ควรค่าแก่การทรงจำ และเป็นทริปที่น่าจดจำ หวังว่าการสนทนาเช้าวันนี้ ควรนำไปสู่สิ่งที่ควรจะเป็นไป แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ทริปนี้จะเป็นทริปสุดท้ายที่ได้มีโอกาสเจริญธรรมขั้นสูงสุด ด้วยกัน

หลังจากจบทริปนี้ ไม่มีอะไรที่ต้องเรียนรู้ เพิ่มเติมอีกแล้ว สำหรับเราสองคน เพียงแค่อยู่กับจิตบริสุทธิ์ให้นานๆ สม่ำเสมอด้วย อาณาปาณาสติ ก็พอ จิตเรามากันถึงปลายทางแล้วทั้งคู่ ที่เหลือเป็นเรื่องวิบากแห่งขันธ์ โชคชะตา และเจ้ากรรมนายเวร เท่านั้น ไมมีอะไรเกาะเกี่ยวจิตได้อีกต่อไปแล้ว

สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากตั๊ก

  • อาการจุกที่ลิ้นปี่ หรือ อก ... คือ กำลังความบริสุทธิ์กำลังก่อตัว ท่ามกลางแรงอัดของกิเลส
  • อาการ ตาเปิด หูเปิด ... คือ อาการหลังเข้าฌานได้แล้ว เพราะอยูในสภาพกายหลับ จึงเกิดการผ่อนคลายขึ้น
  • ลมหายใจตั๊ก สะอาด บริสุทธิ์ และเย็น ... คือ อาการ จิต บริสุทธิ์
  • ตั๊กบอกว่า ซีดี ของพระอาจารย์ใหญ่เทศ มีอะไรดีๆ อยู่เยอะมาก ... เราจึงกลับมาเปิดฟังใหม่ พบว่า สิ่งที่พระอาจารย์เทศ ตรงกับ สิ่งที่เราค้นพบก่อนหน้านี้
  • ตั๊กยังมีอคติ อยู่กับ บุคคล เช่น อ ปราณี พ่อใหญ่ อ แหม่ม เพราะกิเลสบังตาอยู่ ทำให้สิ่งที่เห็นนั้น แปรปรวนและบิดเบือน
  • ตั๊ก กำลังอยู่ในสภาวะ สิ้นหวัง สิ้นรัก โดดเดี่ยว ภาระรอบตัวหนักอึ้ง ความฝันพังทลาย ... เนื่องจากผู้ที่มีทิฏฐิมานะสูง มักจะเผชิญทุกข์ ตัวนี้

บันทึกการเดินทางสิ้นสุด ณ เพียงนี้ บุคคลและเป้าหมายของทุกคนบริบูรณ์แล้วทั้งหมด ทั้ง

  • ตั๊กมาถึงจิตบริสุทธิ์ ที่เหลือพระอาจารย์ใหญ่ให้ฟังธรรมบ่อยๆ เพื่อวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว และเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าอาจไม่ได้มีโอกาสมาเจอกันอีก และไม่คุยกับพระ ให้แยกตัวออกห่าง เพราะอาจเกิดอาการหลงติดโดยไม่รู้ตัว (แต่ดูเหมือนตั๊กจะไม่เข้าใจ)
  • คุณลักษ
  • ดามาถึงฌาน4
  • บุ้งได้มากราบพระอาจารย์ใหญ่และได้มีโอกาสสัมผัสการฝึกบางส่วน และได้พาพ่อแม่ มากราบไหว้พระอาจารย์ใหญ่ นี่คือเป้าหมายสำคัญที่ได้สำเร็จลุล่วง ไปแล้ว

ขออนุโมทนา แด่ทุกท่าน ณ ที่นี้ ที่ได้เคยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เนอะ :P

หลังจากเรืองราวในวันวิสาขะจบสิ้น พระอาจารย์ใหญ่มาเข้าฝัน แล้วบอกว่าได้เวลาแล้ว ให้เปิดตาที่สามดูให้เห็นทั้งหมด จึงพบความจริงและสิ่งที่แอบแฝงอันไม่เป็นธรรม จึงถือเป็นโอกาสดี ที่ความเป็นปรปักษ์ต่อกัน ทำให้เราจะแยกออกจากกลุ่มโดยสิ้นเชิง เพื่อดำเนินธรรมขั้นต่อไป ด้วยการอยู่กับความบริสุทธิ์ และ เผชิญชะตากรรมโดยลำพัง (ความรู้นี้ ได้บอกกับตั๊ก ไปหมดสิ้นแล้ว เพราะสภาวะตั๊กกับเรานั้น เท่ากันแล้ว ที่ตั๊กยังพร่องอยู่ ก็จะมีในเรื่องของ ความจริงใจความรัก ซึ่งไม่ถือว่าเป็นอกุศลธรรม แต่เป็นไปด้วยความเกื้อกูลกัน ที่ตั๊กขาดสิ่งนี้ไปนั้นน่าเป็นเพราะพื้นฐานทางสังคม ที่หล่อหลอมสิ่งนี้มาไม่เพียงพอ) เช่นเดียวกับผู้อื่นๆ เราได้เห็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมทั้งมวล ในด้านปรัชญาการสร้างวัดของพระ การผลักดันพจน์ให้ทำเหมืองแร่จนนำไปสู่การโดนหลอกโดนต้ม ความแอบแฝงที่มีต่อญาติโยมเพื่อให้เข้าหาตัว ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของนักบวช(โดยใช้จริตมากล่าวอ้าง ซึ่งผู้ที่เข้าถึงความบริสุทธิ์จะทรงไว้ซึ้งการสำรวมกายวาจาใจและมีความสามารถแยกออกได้ระหว่าง จิต และ สิ่งตกค้าง อย่างเด่นชัด เสมือนฌาน4จิตแยกกาย) การที่เราเข้าไปช่วยเหลือเกื้อกูลตั๊กสุดความสามารถตอลดเวลา 1ปี 5 เดื่อน แต่ยังคงได้รับความเป็นปรปักษ์ เป็นเรื่องที่แปลกที่สภาวะเดียวกัน (คือจิตบริสุทธิ์) แต่การเห็นธรรมขั้นสูงสุดไม่เท่ากัน ตั๊กยังมองไม่เห็นสภาวะระหว่าง จิตแยกกาย จิตส่วนจิต กายส่วนกายภายใต้สภาวะรู้แค่รู้แต่ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ และ ความบริสุทธิ์จะต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความตตา แต่ตั๊กกลับไม่มีสิ่งนี้อยู่ในตอนนี้ เพราะอาจยังสำคัญและยึดสมมุติอุปทาน ว่าตนจะจบด้วยอภิญญา มิใช่โลกุตตระ เป็นความเห็นที่เบี่ยงเบนแท้ๆ ทั้งๆที่เข้ามาแล้วสู่โลกุตตระ เหลือเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นที่จะต้องเติมเต็ม คือ ความรัก!!! แล้วสภาวะโลกุตตระจะสมบูรณ์เข้าสู่นิพพาน อย่างมั่นคง

อย่างไรก็ดี ถือเป็นโอกาสที่สมควรที่จะปิดฉากเรื่องราวนี้ไว้ก่อน หนทางข้างหน้ายังต้องดำเนินไปตามโชคชะตาที่ยากแสนเข็ญท้าทายต่อปัญญาแห่งเราอีกครั้ง แต่คราวนี้ เพียงลำพังและสันโดษ เริ่มด้วยการ ไม่ทานอาหารเกินจำเป็น เข้าสู่การเช่ในสภาวะบริสุทธิ์ ด้วยการทำให้กายหลับในสมาธิ ตาเปิด หูเปิด หัวใจเปิด (คืออาการผ่อนคลายนั่นเอง) ด้วย จิต คือ ความบริสุทธิ์ (ความบริสุทธิ์ = สะอาด + สงบ)
.... จากนั้นอะไรต่อหละ ???

ถ้าภาระกิจแห่งฝันนี้จบได้เร็วละก็ เท่ากับว่า มรรค8 เราจะสมบูรณ์อย่างถาวรเมื่อนั้น



26-26 เมษ

ทริปนี้ไปกับ คุณลักษ และ เหลียง(น้องสาวคุณลักษ) ได้คำตอบอะไรหลายอย่าง

  1. สภาวะเข้าสู่นิพพาน หลายแบบ เช่น มรรค8 โพชฌงค์ อิทธิบาท4 พลิกจิต เป็นทางเข้านิพพานได้หลายๆทาง ที่ได้เข้าไปแต่ละทางนั้น เนื่องจากบุญบารมีเก่า ซึ่งบางคน อาจเข้าได้เพียงทางเดียว (พ่อใหญ่)
  2. การที่ได้รู้และเข้าไปสัมผัสนิพพาน ถือว่าเป็นกำไรชีวิต อีกประเภทเข้านิพพานเลยขณะที่ยังมีชีวิต
  3. ร่างกายเจ็บป่วยตามเหตุและผลทางโลกเป็นไปตามสภาพของมัน ไม่ต้องใช้ปัญญาพิจารณา - จิตขณะดับใช้ปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์
  4. สภาวะภายใน โล่ง โปร่ง กลวง คือที่สุดที่ต้องการ จาก หยุดนึกคิด ซึ่งเป็นตัวก่อเกิดทั้งหมด (จาก อ ปรานี)
  5. การให้ธรรมะ แก่ใคร ให้ดูภาชนะที่เขาจะรับ ว่าได้มากน้อยเพียงใด และควรจะรินธรรมะ ให้ลักษณะไหน นิ่มนวล แผ่วเบา อัดแน่น หรือ อื่นๆ (จาก อ ปรานี)
  6. นึกคิดนั้นหยุดไม่ได้ เพราะเป็นธรรมชาติของสมอง คนเราสามารถทำได้เพียงแค่ รู้ทันแล้วละ (อ ปรานี)
  7. คติพจน์ของ อ ปรานี "เราไม่ได้เก่ง เราเพียงฆ่ากิเลสได้"
  8. ลูกนก ตกลงพื้น ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้มากกว่านี้ ทำได้เพียง ให้เขาไปอยู่ในที่ร่ม แสดงสภาพธรรมว่า เราและเขามีข้อจำกัดซึ่งกันและกันในการให้ธรรมะแก่กัน บางอย่างเราไม่มีความสามารถไปช่วยเขาได้
  9. สิ่งที่รู้มากกว่า ที่ควรหรือสามารถจะรู้ นั้น เป็นเหมือนกำไล (มีไว้ประดับเฉยๆ) (พระอาจารย์ใหญ่)
  10. จิตว่างๆโล่งๆ มองออกไปเหลือแต่ท้องฟ้าเปล่าๆ แสงเทียนให้สว่างทะลุออกไปเลย ไร้สิ้งพันธนาการ ผูกไว้ กักไว้ Zพระอาจารย์ใหญ่) ...เข้าใจว่าเป็นอารมภ์ของฌาน 6 บวกกับ อารมภ์ไร้สิ่งผูกมัดเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่าง
  11. สิ่งที่เข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว ในเรือง ต้องมีธรรม แทรก ไม่งั่นเมื่อจิตพบสภาวะสัจธรรมแล้ว จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้จะทิ้งขันธ์ท่าเดียว ธรรมตัวนั้นคือ เมตตาปัญญาให้ผู้ไม่รู้ท่านอื่น
ตัวตนของเรา ถือ บรรจุปรัชญาชีวิต คือ ล้ำเลิศในทุกด้าน ความเป็นผู้ดีและฐาบันดรศักดิ์ ความเป็นเอกเทศไม่เป็นทาสใครและไม่พัวพันใคร



กระจกสองด้าน ที่คู่กันอยู่เสมอ
นึกคิด คู่กับ การปรุงแต่ง
รู้ คู่กับ ยึดติด
ปัญญา คู่กับ มานะ
อารมภ์ คู่กับ การหลงใหล

20 เมษ

ทริป อาทิตย์นี้ จะเป็นทริปสั้นครั้งสุดท้ายที่จะไปกราบพระอาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์ใหญ่ท่านจึงกำหนดนิมิตและอารมภ์ให้ระลึกถึงวันแรก ที่ได้พบเจอกัน โดยให้ได้สัมผัสความสงบรอบตัวท่านเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เจอกันอีกครั้ง และฝากธรรมไว้ ให้ฟังธรรมบ่อยๆ หรือ อ่านจากหนังสือสวดมนต์ก็ได้ เพื่อลอกสังโยขน์ออกเหมือนขนมชั้น

ตั๊กเอง พระอาจารย์ใหญ่ให้การรับรองแล้วจิตได้เป็นพระอริยะแล้ว และให้เปรียบเสมือน ดอกกาฝาก ที่มีความหมายว่า ดอกนั้นสวยงามมากเปรียบเหมือนจิต เถาวัลย์กาฝากที่น่าเกลียดสกปรกนั้นนั้นเปรียบเหมือนขันธ์ อนุโมทนาให้ตั๊กด้วย

------------------- ภาระกิจเสร็จสิ้นแล้ว ณ วันนี้ (3 มกราคม 2556 - 20 เมษายน 2557) ----------------------------
สรุปภาระกิจ
  1. ศึกษาการทำสมาธิ
  2. ฝึกการทำสมาธิ ตั้งแต่ รูปฌาน จนถึง อรูปฌาน และเข้าใจถึงนิโรธสมาบัติ ไปถึง วิมุตติ
  3. เข้าองค็วิปัสสนา ด้วยวิธีเฉพาะตน โดยการใช้ ธรรมวิจายะ โดยไม่รู้ (เป็นไปของมันเอง)
  4. ได้ทราบถึง เจ้ากรรมนายเวร "เรืองภายนอกไม่ใช่เรืองของเรา หน้าที่เราคือนิพพาน" "จิตดูแลกายด้วย" "ใช้อิทธิบาทสี่ในการข้ามสภาวะ" ส่งบุญบารมีให้พ่อกับแม่ วิถีชีวิตของพระพุทธเจ้าและวิชาที่ท่านสิทธัตถะ ได้ร่ำเรียน เที่ยวชั้นสวรรค์หลายครั้งและนรกเฉพาะชั้นต้น การพลิกจิต
  5. ใส่บาตรพระอาจารย์ใหญ่ครบ 1 รอบปี (6 ครั้ง)
  6. พระอาจารย์ใหญ่ ชี้มาที่เราและกล่าวว่า มึงรู้แล้วให้สอนคนอื่นต่อไปด้วยนะ ... ?#@#$%^&
  7. แนะนำคนที่ควรมีวาสนาพบเจอกับพระอาจารย์ใหญ่ บอกกล่าวให้ไปกราบพระอาจารย์ใหญ่
  8. สำหรับผู้ที่มีพระคุณ ก็ได้นำทางท่านมาถึงที่สุดแห่งจิต ในที่สุด
สิ่งที่ได้เรียนรู้
  • สัมผัสถึง ความสงบ การฟอกจิต จิตดิ่ง
  • สัมผัสถึง การเชื่อมจิตสองจิตและพลังจิต
  • การทำ รูปฌาน และ อรูปฌาน
  • รู้เห็นเจ้ากรรมนายเวร การสมาทานสมาธิ การแผ่เมตตา
  • ได้รับการสอนข้ามทุกขเวทนา 1 ชม จากพระอาจารย์ใหญ่ที่เข้ามาสอนในสมาธิ
  • ไม่มีอาการปวดหัว เวียนหัวอีกเลย
  • รู้จักกลไก ของกิเลส ช่องทางเข้า วิธีเกิด และ วิธีดับ
  • รู้จัก 7 จักระ และคุณวิเศษของ โยคะ อันนี้
  • เข้าใจถึงวิธีการทำ นิโรธสมาบัติ
  • รู้จักคำว่า อยู่กับปัจจุบัน เพื่อฝึก จิตในระดับจิตใต้สำนึกให้มีสติ ... นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
    แต่ รู้ด้วยว่า ผลของการใช้ นิโรธคามินีปฏิปทา จะทำให้จิตมีสภาพว่างเปล่าภายในและแช่มชื่น เพราะอวัยวะแทบไม่เคลื่อนจนไม่กระเทือนกาย เท่ากับลดผัสสะทางกายไปได้เยอะ
    นี่แหละ ที่เขาบอกกันว่า อยู่ว่างๆโล่งๆแบบนี้แหละ
  • รู้วิธีการก่อนตาย ไม่ต้องเข้าฌาน ให้ดูความเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ของเรา
  • เรียนรู้ จิตสุดท้าย ต้องสลัด กิเลส10 ขันธ์5 บาปบุญ และปัญญา
  • สัมผัสถึง ฌาน4สมบูรณ์(จิตแยกกาย)ด้วยมรรค 8 การพลิกจิตหันออกจากสมมุติและอุปทาน
  • รู้ความหมายของ การสันโดษที่แท้จริง ที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งนอกกายเกินความจำเป็นด้วยว่า จิตบริสุทธิ์-กายบริสุทธิ์ สลับไปมา
  • สัมผัสถึง นิพพาน ด้วย โพชค์ฌงค์7 (จิตควบแน่น เข้าสู่อุเบกขา แล้ว ลงนิพพาน)

  • การนั่งสมาธินานมากเกินไป มีผลให้กระดูกแข็งเป็นหินปูน และ อาจมีหินปูนในกล้ามเนื้อ (อาจมาจาก กรดแลคติก ที่แปรสภาพ) ... อันนี้ เป็นสมมติฐานที่ตั้งขึ้นเอง รอการค้นคว้า
18 6 2025
Welcome Guest
Main | Sign Up | Login
เปลี่ยน uID ให้ไปที่ ucoz.com
โดย logout ก่อน
Login form
Calendar
Entries archive
Tag Board
Search
mp3
Changing Partner

nonCopyright © 2025
Make a free website with uCoz