Ampol C.

สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 1
สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 2
กด ctrl ค้างเพื่อเปิด tab
กรรมฐาน หลวงปู่มั่น
การทำสมาธินานาชาติ
ลมหายใจ
การทำสมาธิ
บริกรรมยุบพองรู้

พระไตรปิฏกเล่ม 17
พระไตรปิฏกเล่ม 15
เสียงอ่านพระวจนะ
เสียงอ่านพระวจนะ
พระโมคาลานะ
พระไตรปิฏก-เทียบ



กุณทาลินี 7 จักระ
พลิกจิต
สมอง
ทฤษฎีอารมภ์
คัมภีร์นรลักษณ์ะ
คัมภีร์โยกย้ายเส้นเอ๊น
บริหารนิ้วข้อมือแบบนินจา








ฌาน นำทางให้เห็น จิต
เมื่อเห็น จิต ดวงตาธรรม จึงเพียงเริ่มเปิด
เมื่อจิต และ กาย แยกจากกัน จึงเพียงเริ่มต้น แห่งสัจจธรรม
บริสุทธิ์    อิสระ    หนัก-แฝงกับผัสสะ    แทงตลอด    ทิ้ง-สิ่งยึดติด อย่างวางใจ    สติ-แห่งจิต

เมื่อจิตพลิกแล้ว จะเห็น สิ่งต่างๆเป็นแสนเป็นล้าน เป็นสมมติ พร้อมกันเพียงเสี้ยววินาที
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา    (ศรัทธา วิริยะ) สติ (สมาธิ ปัญญา)    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา    นิโรธะคามินีปฏิปทา
วิมุตติมรรค
จาก บทที่8 กัมมัฏฐานปริเฉท ปฐวีกสิน

การพิจารณาโทษของกาม และพิจารณาอนิสงส์ของการหลีกออกจากกาม กามนั้นคือ สิ่งที่ทำให้กลัว และทำให้หลงใหล ซึ่งก็คือรากเหง้าของกิเลส โมหะ โทสะ โลภะ ซึ่งมีคุณน่ายินดีน้อย มีทุกข์มาก ประกอบด้วยโทษเหล่านี้

  1. กามเปรียบเหมือนกระดูก เพราะก่อให้เกิดความยินดีน้อย
  2. กามเปรียบเหมือนชิ้นเนื้อ เพราะมันถูกติดตามโดยทุกข์มากมาย
  3. กามเปรียบเหมือนคบเพลิงที่ลุกไหม้ ซึ่งบุคคลถือเดินฝ่าลมไป เพราะมันเผาใหม้
  4. กามเปรียบเหมือนกับหลุมถ่านเพลิงที่กำลังคุโชน เพราะความยิ่งใหญ่ และความเล้ก
  5. กามเปรียบเหมือนความฝัน เพราะมันเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
  6. กามเปรียบเหมือนสิ่งของที่ยืมมา เพราะบุคคุลไม่สามารถชื่นชมมันได้นาน
  7. กามเปรียบเหมือนกับต้นไม้ผล เพราะมันถูกคนทั่วไปตัดโค่นอยู่เสมอ
  8. กามเปรียบเหมือนดาบ เพราะมันตัด เป็นช้นเล็กชิ้นน้อย
  9. กามเปรียบเหมือนเข็มหมุดที่แหลมคม เพราะมันเสียดแทง
  10. กามเปรียบเหมือนหัวงูพิษ เพราะมันเป็นของน่ากลัว
  11. กามเปรียบเหมือนกลุ่มด้ายที่ถูกลมพัดกระจากออกไป เพราะมันไม่ถูกขัดขวางโดยธรรมชาติ
  12. กามเปรียบเหมือนภาพมายา เพราะมันทำให้คนโง่งมงาย
  13. กามเปรียบเหมือนความมีด เพราะมันทำให้มืดบอด
  14. กามเปรียบเหมือนเครืองกีดขวาง เพราะมันขัดขวางหนทางแห่งความดี
  15. กามเปรียบเหมือนการหลงทาง เพราะมันทำให้สูญเสียสัมมาสติ
  16. กามเปรียบเหมือนความสุกงอม เพราะมั้นต้องผุพังไปเป็นธรรมดา
  17. กามเปรียบเหมือนโซ่ เพราะมันผูกคนหนึ่งติดกับอีกคนหนึ่ง
  18. กามเปรียบเหมือนมหาโจร เพราะมันขโมยคุณค่าของสิ่งที่ดีไป
  19. กามเปรียบเหมือนรังของโทสะ เพราะมันทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท
  20. กามเปรียบเหมือนพาหนะที่เต็มไปด้วยทุกข์ เพราะมันทำให้เกิดความคับแค้นที่ประมาณมิได้
เมื่อพิจารณาเห็นโทษของกามแล้ว ควรพิจารณาดูอนิสงส์(หรือประโยชน์) ของการหลีกออกจากกาม เรียกว่า เนกขัมมะ ด้วยประการดังต่อไปนี้
  1. การกำจัดนิวรณ์
  2. การอยู่ด้วยวิมุตติ
  3. ความยินดีในความสงัด
  4. การอยู่เป็นสุขและมีสติ
  5. ความสามารถอดทนต่อทุกข์
  6. การทำกุศลให้พร้อมมูล
  7. และการบรรลุขั้นต้นซึ่งผลอันใหญ่ยิ่ง
การได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยการให้ทานนี้ คือ ปัญญาอันสูงส่ง เป็นความดีสูงสุดในบรรดาภพทั้งหลาย เรียกว่าอยู่เหนื้อโลกทั้ง3

การหลีกออกไปจากกาม นี้ คือวิเวก ความสงัดเป็นอิสระจากนิวรณ์ เครื่องกีดกั้นทั้งหมด เป็นความสุข เป็นความสิ้นไปแห่งกิเลส เป็นการล้างสิ่งสกปรกออกไปจากจิตใจ เพราะการปฏิบัตินี้ บุคคลสั่งสมแล้ว บุคคลชื่อว่า บรรลุความสงบภายใน

ความฟุ้งซ่านมีอยู่ 4 ประเภท ความเพียรที่เร่งด่วนเกินไป ความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไป ความบันเทิง หรือ ปะโมท และความท้อถอยเหนื่อยล้า เมื่อจิตตกอยู่ในสภาวะแห่งความขัดเคือง ในทันทีนั่นเอง เธอก็ครอบงำและละทิ้งความขัดเคืองโดยใช้กำลังแห่งสติและสมาธิ เมื่อจิตของเธอตกอยู่ในสภาวะแห่งความประมาท ควรครอบงำและละทิ้งสภาวะนั้นเสีย ด้วยกำลังแห่งสติและวิริยะ เมื่อมีใจบันเทิงตกอยู่ในความกำหนัด ควรละทิ้งความกำหนัดในทันที เมื่อมีใจเหนื่อยล้า ตกอยู่ในความโกรธ ควรละทิ้งความโกรธในทันที บุคคลย่อมทำให้สำเร็จใน 4 สถานนี้และทำจิตของตนให้ดำเนินไปในทิศทางเดียว ถ้าจิตของตนดำเนินไปในทิศทางเดียว เธอย่อมสามารถสร้างนิมิตให้เกิดขึ้นได้

การควบคุมจิต และ บังคับจิต

ยังต้องมีฐานจาก การเอาใจใส่ทำความสะอาดวัตถุทางกาย 3 อย่าง อันได้แก่ การบริโภคอาหารที่เหมาะ การได้รับและได้สูดอากาศที่เย็นสบาย การวางอิริยาบถที่สบาย บังคับจิตด้วยวิธีการ 2 อย่าง เพื่อขจัดการกวัดแกว่งเที่ยวแสวงหาอารมภ์ใกลอันไม่สมควรและเกิดความวุ่นวายใจ

    1 ด้วยความเพียรอย่างแรงกล้า
    2 ด้วยการใคร่ครวญตรวจสอบอารมภ์
ควบคุมจิตด้วยวิธีการการ 2 อย่าง
    1 ปลูกความเพียร
    2 บริโภคพอประมาณ ทุกวัน
ถ้าจิตยังเตร็ดเตร่ไปหาอารมภ์ไม่เหมาะสม ควบคุมจิตนั้นโดยพิจารณาผลร้ายแหงการกระทำเช่นนั้น ด้วยวิธีการ 2 อย่าง คือ
    1 ใคร่ครวญดูทุกข์ต่างๆ
    2 และด้วยการค้นหาผลแห่งการทำชั่ว
ความเล่นเล่อของจิต ย่อมเจริญงอกงามเพราะเหตุ 2 อย่างคือ
    1 เพราะขาดความเชี่ยวชาญในสมาธิ
    2 เพราะ ความเฉื่อยชาของจิต
เมื่อมีความเลินเล่อมาก จิตก็เฉื่อยชา และ เซื่องซึม หมายถึงว่า ถ้าไม่ได้รับความแตกฉานในสมาธิ จิตย่อมถูกชักนำสู่ความประมาทเพราะความเฉื่อยชานั่นเอง กำจัดเสียด้วยวิธีการ 2 อย่าง
    1 ด้วยพิจารณาคุณความดี
    2 ด้วยการเริ่มความเพียร
กำจัดความเลินเล่อ (ความง่วงเหงา และเซื่องซึม) ของจิต ด้วยวิธีการ 4 อย่าง

ถ้าเป็นคนละโมบ พิจารณาโทษของความเลินเล่อ และใส่ใจการปฏิบัติสังวร 4 กำหนดพิจารณานิมิตสุกสว่าง อยู่ในที่น้ำค้าง ทำจิตให้รื่นเริง และกำจัดความยึดมั่นถือมั่นเสีย

ความเฉื่อยชาของจิต เกิดขึ้นเพราะเหตุ 3 อย่างคือ

    1 เพราะมีความเชี่ยวชาญไม่พอ
    2 เพราะความโง่เขลา
    3 และเพราะไม่ได้รับความสงัดที่สบาย

ถ้าจิตเฉื่อยชา ทำให้เข้มแข็งด้วยวิธีการ 2 อย่างคือ

    1 ด้วยความกลัว และ
    2 ด้วยความบันเทิง

โดยการพิจารณา การเกิด ชรา มรณะ และอบาย4 ความวิตกกังวลและความคับแค้นใจอันเนื่องมาจากความกลัวย่อมเกิดขึ้นในจิต ถ้าพิจารณาพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ และเทวดานุสสติ จะมองเห็นอนิสงส์ชองอารมภ์เหล่านี้ ย่อมบันเทิง จากนั้น ทำจิตให้มั่นคงและจดจ่ออยู่ในอารมภ์นั้นเพียงอารมภ์เดียว หลีกเว้นผู้ที่ไม่ฝึกสมาธิและเข้าคบหากับผู้ที่ฝึกสมาธิ และสุดท้ายน้อมจิตเข้าสู่อัปนาสมาธิ คือ ภาวะแห่งอารมภ์เดียว ในด้านของความวิเวกนั้น มีอยู่ 3 อย่างคือ

  1. กายวิเวก
  2. จิตวิเวก
  3. อุปธิวิเวก
กายวิเวกคือ ปลีกกายออกจากกาม อยู่ในสถานที่ธรรมชาติ จิตวิเวกคือ มีจิตบริสุทธ์ สะอาด อุปธิวิเวก คือ แยกตัวออกจากหมู่เหล่า ตัดขาดความเกิดและความตาย อนึ่งวิมุตติมีอยู่ 5 อย่าง หลุดพ้น ด้วยการข่มไว้ อาศัย ปฐมฌาน เพื่อข่มนิวรณ์5 ไว้ หลุดพ้น ด้วยหมดฤทธิ์ไป อาศัย โยนิโสมนสิการ ชำแรกกิเลสแยกแยะออก และข่มทิฏฐิไว้ หลุดพ้น ด้วยการตัดขาด อาศัย โลกุตตะธรรม ปัญญาในจิตทำให้เกิดการตัดขาดอย่างสิ้นเชิง หลุดพ้น ด้วยความสงบ อาศัย โพชฌงค์7 หลุดพ้น ด้วยการสลัดคืน อาศัย การพลิกจิต
จากวิสุทธิมรรค หน้า 156 "ประโยชน์ของการกำหนดลมหายใจ" ถ้าผู้ปฏิบัติ กำหนดสติด้วย การหายใจ จะบรรลุถึงความสงบสุขที่สวยงามน่ารักและเบิกบาน ผ่อนคลาย ทำให้สภาวะมืดมนเศร้าหมองและ เป็นบาป จะหายไปและจะดับไปในทันทีมันเกิดขึ้น ทำให้เห็นซึ่งสภาวะต่างๆทางร่างกายหรืออวัยวะ กายและใจไม่โยกโครงหรือสั่นคลอน 7 เติมเต็ม 4ฐานรากแห่งสติ(สติปัฏฐาน4) , เจ็ดปัจจัยการตรัสรู้และเสรีนิมิต (image)(โพชฌงค์7 และวิมุตติ) ได้รับการสรรเสริญ เป็นวิหารธรรมของอริยะ และของพรหมและ Tathagata 1 วิธีการดำเนินการ "ขั้นตอนคืออะไร?": โยคีใหม่เข้าสู่ สู่โคนไม้ หรือไปยังที่โล่ง นั่งขัดสมาธิ หลังตรง มีสติเฉพาะหน้า มีสติอยู่กับลมหายใจ ระวังลมหายใจออก รู้ หายใจออกหายใจยาว: "ผมหายใจออกหายใจยาว"; หายใจในลมหายใจยาวเขารู้ว่า "หายใจเข้าหายใจยาว"; หายใจในลมหายใจสั้น ๆ ที่เขารู้ว่า "หายใจเข้าลมหายใจสั้น"; เขาหายใจออกลมหายใจสั้น ๆ ที่เขารู้ว่า "หายใจออกลมหายใจสั้น" ดังนั้น จึงรู้ว่า "กำลังหายใจเข้า แบบนั้นมีลักษณะเช่นนั้น" ดังนั้น จึงฝึกตนเองแบบนั้น "ฉันกำลังหายใจออก แบบนั้นมีลักษณะแบบนั้น" ดังนั้น จึงฝึกตัวเองเช่นนั้น (เรียนรู้ประสบการณ์ไปทั่วร่างกาย; ทำให้ร่างกายมีการก่อตัวเข้าสู่ความสงบ) ประสบกับความปราโมทย์ ประสบกับความสุข ประสบกับอารมภ์เยือกเย็น ทำให้อารมภ์หรือจิตก่อตัวสู่ความสงบ ทำใหใจยินดีเบิกบาน ใจจดจ่อเป็นสมาธิ ใจเป็นอิสระจากใจ ใจเห็นสิ่งไม่เที่ยง, ใจเห็นสิ่งเป็นอคติ, จึงยุติ, จึงสละ, ดังนั้น จึงฝึกตัวเองเช่นนี้ "ยุติและสละ หายใจออก ในลักษณะเช่นนี้" ดังนั้นจึงตนเองดังนี้ "ยุติและสละ หายใจเข้า ในลักษณะเช่นนี้" ดังนั้นจึงฝึกตนเองเช่นนี้ 2 ที่นี้ ฝึกตัวเองในการ "หายใจเข้า" หมายถึง "สติ จับอยู่ที่จมูกปลายหรือบนริมฝีปาก " 3 เหล่านี้เป็นตำแหน่งที่จะสัมผัสกับลมหายใจ และหายใจออก โยคี เอาใจใส่กับลมหายใจที่เข้ามา พิจารณาสัมผัสของการเข้าและออกของลมหายใจ สติ จับอยู่ที่ที่ปลายจมูกหรือปาก หายใจเข้าอย่างมีสติ หายใจออกอย่างมีสติ จนกระทั่ง ความสนใจแห่งลมหายใจนั้นสิ้นไป จิตจะรวมเป็นสมาธิ เขาคิดว่าการติดต่อของ ลมหายใจที่เข้ามาและลมหายใจออกที่จมูกปลายหรือบนริมฝีปากด้วย สติ เขาหายใจเข้าและหายใจออกมาด้วยสติ มันเป็นเหมือน คนที่ได้รับการเลื่อยไม้ คนที่ไม่ได้เข้าร่วมในการจะกลับมา ของเลื่อย ในลักษณะเดียวกับ โยคี ไม่ได้เข้าร่วมในการรับรู้ของ ขาเข้าและลมหายใจออกในสติของการหายใจ เขาเป็น ตระหนักถึงการสัมผัสที่จมูกปลายหรือบนริมฝีปากและเขาหายใจเข้าและออก มีสติ หากเมื่อลมหายใจมาในหรือออกไป โยคี พิจารณา ภายในหรือภายนอกจิตใจของเขาจะฟุ้งซ่าน ถ้าความคิดของเขาเป็นสมาธิ ร่างกายและจิตใจของเขาจะลังเลใจและตัวสั่น เหล่านี้เป็นข้อเสีย เขา ไม่ควรจงใจหายใจลมหายใจยาวมากหรือสั้นมาก ถ้าเขาจงใจ หายใจลมหายใจยาวมากหรือสั้นมากความคิดของเขาจะได้รับฟุ้งซ่านและของเขา ร่างกายและจิตใจจะลังเลใจและตัวสั่น เหล่านี้เป็นข้อเสีย เขาไม่ควรจะแนบตัวเองเพื่อการรับรู้ที่หลากหลายเชื่อมต่อกับลมหายใจ ไอเอ็นจีในและหายใจออก ถ้าเขาไม่ให้ปัจจัยอื่น ๆ ของเขาจิตจะ disturb- เอ็ด ถ้าความคิดของเขาถูกรบกวนร่างกายและจิตใจของเขาจะลังเลใจและตัวสั่น ดังนั้นอุปสรรคนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นเพราะจุดของการติดต่อเข้ามาของ ลมหายใจและลมหายใจออกนับไม่ถ้วน เขาควรจะต้องระวังและ ไม่ควรปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่าน เขาไม่ควรเรียงความ stienuously เกินไป หรือ laxly เกินไป ถ้าเขาเรียงความ laxly เกินไปเขาจะตกอยู่ในความแข็งแกร่งและชา ถ้า เขาเรียงความแรงเกินไปเขาจะกลายเป็นกระสับกระส่าย ถ้า โยคี ตกอยู่ใน ความแข็งแกร่งและความชาหรือกลายเป็นกระสับกระส่ายร่างกายและจิตใจของเขาจะลังเลใจและ ตัวสั่น เหล่านี้เป็นข้อเสีย เพื่อ โยคี ที่เข้าร่วมในการหายใจที่เข้ามาด้วยใจที่บริสุทธิ์ เก้ากิเลสน้อยกว่านิมิต (image) เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ดีที่คล้ายกัน กับที่มีการผลิตในการกระทำของผ้าฝ้ายปั่นหรือผ้าฝ้ายผ้าไหม นอกจากนี้ มันจะเอาไปเปรียบกับความรู้สึกที่ถูกใจผลิตโดยสายลม 1 ดังนั้นในการหายใจ ทั้งในและนอกอากาศสัมผัสจมูกหรือปากและทำให้การตั้งค่าขึ้นของอากาศที่แน่นอนได้ ception สติ นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสีหรือรูปแบบ 2 นี้เรียกว่านิมิต (image) ถ้า โยคี พัฒนานิมิต (image)และเพิ่มความมันที่ปลายจมูก หรือ ระหว่าง-คิ้วตา หรือ บนหน้าผาก หรือกำหนดไว้ในหลายๆตำแหน่ง 3 จะรู้สึกว่า มีอาการหัว หมุน หรือล่องลอย เมื่อเพิ่มขึ้น จะมีความรู้สึกว่า ร่างกายทั้งหมดถูกระตุ้นอย่างมีความสุขสบายใจ เรียกสภาวะแบบนี้ว่า ความสมบูรณ์ และหาก เห็นนิมิต (image) หลายนิมิต (image)จากจุดเริ่มต้น เห็นรูปแบบต่างๆเช่น ควัน หมอก ฝุ่น ทรายทอง หรือ มีประสบการณ์ สิ่งที่คล้ายกับของเข็มตำหรือการมดกัด ถ้าจิตใจไม่โล่งโปร่งและละทิ้งนิมิต (image) เหล่านี้ จะเกิดความสับสน หากจิตใจโปร่งโล่ง โยคี จะไม่เผชิญกับความสับสน ก็จะจดจ่ออยู่กับการหายใจและไม่ก่อให้เกิดการรับรู้ที่เกิดขึ้นอื่น ๆ การทำสมาธิดังนี้ทำให้สามารถที่จะยุติความสับสนและเข้าถึงนิมิต (image)ที่ละเอียดอ่อน และเขาจดจ่ออยู่กับการหายใจด้วยใจที่เป็นอิสระ นิมิต (image)ที่เป็นอิสระ เพราะนิมิต (image)ที่เป็นอิสระปรารถนาเกิดขึ้น ความปรารถนาที่เป็นอิสระ, โยคี จดจ่ออยู่กับ การหายใจและมีความเบิกบาน ความปรารถนาและความสุขที่เป็นอิสระ ทำให้จดจ่ออยู่ได้กับการหายใจที่มีความสมดุล ความสมดุลย์ ความปรารถนาและความสุขที่เป็นอิสระ ทำให้การจดจ่อกับการหายใจและจิตใจของเขาไม่ได้ถูกรบกวน ถ้าความคิดของเขาไม่ได้ถูกรบกวน เขาจะทำลายอุปสรรค และก่อให้เกิดกระตุ้นปัจจัยแห่งสมาธิระดับฌานขึ้น ดังนั้น โยคี นี้จะถึงความสงบและสมาธิประเสริฐแห่งรูปฌาน ซึ่งเป็นคำสอนที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น
18 6 2025
Welcome Guest
Main | Sign Up | Login
เปลี่ยน uID ให้ไปที่ ucoz.com
โดย logout ก่อน
Login form
Calendar
Entries archive
Tag Board
Search
mp3
Changing Partner

nonCopyright © 2025
Make a free website with uCoz