Ampol C.

สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 1
สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 2
กด ctrl ค้างเพื่อเปิด tab
กรรมฐาน หลวงปู่มั่น
การทำสมาธินานาชาติ
ลมหายใจ
การทำสมาธิ
บริกรรมยุบพองรู้

พระไตรปิฏกเล่ม 17
พระไตรปิฏกเล่ม 15
เสียงอ่านพระวจนะ
เสียงอ่านพระวจนะ
พระโมคาลานะ
พระไตรปิฏก-เทียบ



กุณทาลินี 7 จักระ
พลิกจิต
สมอง
ทฤษฎีอารมภ์
คัมภีร์นรลักษณ์ะ
คัมภีร์โยกย้ายเส้นเอ๊น
บริหารนิ้วข้อมือแบบนินจา








ฌาน นำทางให้เห็น จิต
เมื่อเห็น จิต ดวงตาธรรม จึงเพียงเริ่มเปิด
เมื่อจิต และ กาย แยกจากกัน จึงเพียงเริ่มต้น แห่งสัจจธรรม
บริสุทธิ์    อิสระ    หนัก-แฝงกับผัสสะ    แทงตลอด    ทิ้ง-สิ่งยึดติด อย่างวางใจ    สติ-แห่งจิต

เมื่อจิตพลิกแล้ว จะเห็น สิ่งต่างๆเป็นแสนเป็นล้าน เป็นสมมติ พร้อมกันเพียงเสี้ยววินาที
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา    (ศรัทธา วิริยะ) สติ (สมาธิ ปัญญา)    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา    นิโรธะคามินีปฏิปทา
เสียงอ่าน
มนุษย์ ทำฌานไม่ได้ ) มีกายต่างกัน มีสัญญา หรือ วิญญาน ต่างกัน เปรตวิมาน ทำฌานไม่ได้ ) มีกายต่างกัน มีสัญญา หรือ วิญญาน ต่างกัน ) พวกนี้ไม่ให้คุณ ไม่ให้โทษ แต่ รอรับการให้อย่างเดียว เทวดา ทำฌานไม่ได้ ) มีกายต่างกัน มีสัญญา หรือ วิญญาน ต่างกัน -------------------------------------------------------------------------------- พรหมปาริสัชชาภูมิ ปฐมฌาน ) มีกายต่างกัน มีสัญญาหรือวิญญานเดียวกัน พรหมปุโรหิตาภูมิ ปฐมฌาน ขั้นมัชฌิมา ) มีกายต่างกัน มีสัญญาหรือวิญญานเดียวกัน มหาพรหมมาภูมิ ปฐมฌาน ขั้นปราณีต ) มีกายต่างกัน มีสัญญาหรือวิญญานเดียวกัน -------------------------------------------------------------------------------- ปะริตรตาภาภูมิ ทุติยฌาน ขั้นปะริตตะ ) มีกายเดียวกัน มีสัญญาต่างกัน ) อัปปมาณาภาภูมิ ทุติยฌาน ขั้นมัชฌิมะ ) มีกายเดียวกัน มีสัญญาต่างกัน ) อาภัสราภูมิ ทุติยฌาน ขั้นปราณีต ) มีกายเดียวกัน มีสัญญาต่างกัน ) -------------------------------------------------------------------------------- ปะริตตะสุภาภูมิ ตติยะฌาน ขั้นปะริตตะ ) มีกายเดียวกัน สัญญาเดียวกัน อัปปะมาณะสุภาภูมิ ตติยะฌาน ขั้นมัชฌิมะ ) มีกายเดียวกัน สัญญาเดียวกัน สุภะกินณะหะกา ตติยะฌาน ขั้นปราณีต ) มีกายเดียวกัน สัญญาเดียวกัน -------------------------------------------------------------------------------- เวหัปผะลาภูมิ จตุตถะฌาน ได้รับผลแห่งฌานอันไพบูลย์ อสัญญีสัตตะภูมิ จตุตถะฌาน หาสัญญามิได้ หรือ พรหมลูกฟัก หรือ พรหมหัวตอ หรือ พรหมดักแด้ สำคัญว่า จิตนั้นไม่มี คือ ไปกำหนดชลอการเกิดการจิต เนื่องมาจาก กระบวนการขันธ์5 ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้มีแต่รูป ไม่มีวิญญาน ทำให้เป็นคนเฉยเมยต่อทุกสิ่ง ละทิ้งหน้าที่อันพึงกระทำตามธรรมชาติ ตามเหตุและปัจจัย พรหมชั้นนี้ แก้ไขด้วย ปรับความคิดเห็นใหม่ตามคำพระพุทธเจ้าสอน คือ ให้จิตปราศจากกิเลส (ไม่ใช่ไม่ให้มีจิต) พระพุทธเจ้า ไม่สรรเสริญ การทรงพรหมชั้นนี้ เพราะความคิดเห็นในเรื่องจิตคลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความเนิ่นช้าอย่างมาก อันสมาธินี้ชนิดนี้ เค้าฝึกไว้ต่อสู้กัน นานมาแล้ว ทางพุทธศาสนาเรียกว่า อสัญญีฌาน เป็นอาการ ไม่รู้ผัสสะ เนื่องจาก สัญญา ตัวนั้นว่างเปล่า อาจมีสัญญาตัวนั้น แต่ไม่ดึงขึ้นมา หรือ หยุดดึงสัญญา [อสัญญะสัตตะพรหม ๑] เพื่อนคณะเดียวกับ เวหัปผะลาพรหม ในปัญจะโวการภูมิ แต่เลือกแต่ชอบ หลงวิชชา แนวสูญ แนวอุทเฉจ เฉยๆ กะร่างกาย แต่ไม่ยินดีไม่พอใจ ในเวทะนา ในสัญญา ในสังขารเบื่อในอารมภ์ ก็เลยชอบมาเกิด มาเพลินใน พรหมชั้นนี้ ปฏิเสธอารมณ์ ปฏิเสธสัญญา โดยไม่มีสติ ไม่เหมือน รุ่นพี่ในชั้น อรูปพรหมชั้นสุดท้าย เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ คือมีสัญญาก็ไม่ใช่ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ -------------------------------------------------------------------------------- อวิหาสุทธาวาสภูมิ พรหมอนาคามี ผู้ละซึ่งเป็นกิเลสอันทำให้จิตเดือดร้อน ทั้งทางกาย วาจาและใจเลย ย่อมเข้าฌานสมาบัติ หรือผลสมาบัติอยู่เสมอ สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ มีความเห็น (สภาวะธรรม) อย่างแจ่มแจ้ง มี สติแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ มีความเห็น (สภาวะธรรม) อย่างแจ่มแจ้งยิ่ง มีสมาธินทรีย์ คือมีสมาธิแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น อะกะนิฏฐะสุทธาวาสภูมิ มีปัญญินทรีย์ คือมี ปัญญาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น อากาสานัญจายะตะนะภูมิ ดำรงสภาวะ อากาศ เป็นอารมณ์ วิญญาณัญจายะตะนะภูมิ ดำรงสภาวะ วิญญาณ เป็นอารมณ์ อากิญจัญญายตะนะภูมิ ดำรงสภาวะ ความไม่มีอะไรเลย เป็นอารมณ์ เพราะสูญสิ้นการยึดตัวตน เนวะสัญญานาสัญญายตะนะภูมิ ภาวะมี สัญญา ก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ เมื่อรู้ การเกิด และ การดับในแต่ละสภาวะ เมื่อรู้ คุณ และ โทษ ในแต่ละสภาวะ รู้อุบายในการออกจากสภาวะนั้น แล้วจะยังเพลิดเพลินอยู่กับสภาวะนั้นอีกหรือ เมื่อรู้ตามความเป็นจริงเช่นนั้นแล้ว ย่อมเป็นผู้หลุดพ้น เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น เรียกว่า ปัญญาวิมุตติ ที่ตั้งแห่งวิญญาน (วิญญานทิฏติ) 7 อย่าง และ อายะตะนะ 2 ) สัตว์เหล่าหนึ่งมีกายต่างกัน มีสัญญาต่าง เช่น มนุษย์ เทวดาบางพวก เปรตบางพวกเช่น เวมานิกเปรต ที่ได้วิมาน ได้รับทุกข์สุขสลับกันไป เปรตพวกนี้ไม่อยู่ในอบายภูมิ เอาแน่เอานอนกับการทำดีทำชั่ว ไม่ได้ สัตว์เหล่าหนึ่งมีกายต่างกัน มีสัญญาเดียวกัน เช่น พวกพรหมที่เกิดด้วยปฐมฌาน และสัตว์ที่อยู่ในอบาย4 เทพพวกพรหมกายิกามีเมตตาฌาน สัตว์เหล่าหนึ่งมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาต่างกัน เช่น เทพพวกอาภัสสรพรหม ว่าง ใส สว่าง แผ่กว้าง สัตว์เหล่าหนึ่งมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน เช่น เทพพวกสุภกิณหพรหม ได้นิโรธมืด เป็นโชค สัตว์เหล่าหนึ่งก้าวล่วงความกำหนดหมายในรูป ทำในใจว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เข้าถึง อากาสานัญจายะตะนะ ความว่างไม่มีที่สุด พ้นรูปสัญญา สัตว์เหล่าหนึ่งก้าวล่วงอากาสานัญจายะตะนะ ทำในใจว่า วิญญานหาที่สุดมิได้ เข้าถึงวิญญาณัญจายะตะนะ ความรับรู้ไม่มีที่สุด พ้นเสพความว่าง สัตว์เหล่าหนึ่งก้าวล่วงวิญญาณัญจานยะตะนะ ทำในใจว่า ไม่มีอะไร เข้าถึงอากิญจัญญายตนะ ความดับดิ่งไม่มีอะไร ๆ ไว้เลย อสัญญีสัตตะนะ คือ อสัญญีสัตว์ มีแต่รูป ไม่มีวิญญาน เมื่อไม่มีวิญญานคือไม่มีสัญญา ทำให้ขบวนการเกิดจิตไม่สมบูรณ์จิตจึงยังไม่เกิดขึ้น คือการชลอการเกิดจิต ไม่รับรู้อะไร ไม่มีอารมณ์/ความรู้สึกซึ่งเป็นความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้อง จิตนั้นมีอยู่ตลอดเวลา เพียงให้จิตนั้นปราศจากกิเลส ตามที่พระพุทธเจ้าแนะนำ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ เป็น พรหมไม่มีรูป มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ เพราะวิญญานในอรูปพรหมนี้ละเอียดอ่อนมาก จึงไม่ควรกล่าวว่ามีวิญญาน หรือไม่มีวิญญาน รู้บ้าง – ไม่รู้บ้าง ดับ ๆ รู้ ๆ
18 6 2025
Welcome Guest
Main | Sign Up | Login
เปลี่ยน uID ให้ไปที่ ucoz.com
โดย logout ก่อน
Login form
Calendar
Entries archive
Tag Board
Search
mp3
Changing Partner

nonCopyright © 2025
Make a free website with uCoz