Ampol C.

สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 1
สรุปเนื้อหาพระไตรปิฏก 2
กด ctrl ค้างเพื่อเปิด tab
กรรมฐาน หลวงปู่มั่น
การทำสมาธินานาชาติ
ลมหายใจ
การทำสมาธิ
บริกรรมยุบพองรู้

พระไตรปิฏกเล่ม 17
พระไตรปิฏกเล่ม 15
เสียงอ่านพระวจนะ
เสียงอ่านพระวจนะ
พระโมคาลานะ
พระไตรปิฏก-เทียบ



กุณทาลินี 7 จักระ
พลิกจิต
สมอง
ทฤษฎีอารมภ์
คัมภีร์นรลักษณ์ะ
คัมภีร์โยกย้ายเส้นเอ๊น
บริหารนิ้วข้อมือแบบนินจา








ฌาน นำทางให้เห็น จิต
เมื่อเห็น จิต ดวงตาธรรม จึงเพียงเริ่มเปิด
เมื่อจิต และ กาย แยกจากกัน จึงเพียงเริ่มต้น แห่งสัจจธรรม
บริสุทธิ์    อิสระ    หนัก-แฝงกับผัสสะ    แทงตลอด    ทิ้ง-สิ่งยึดติด อย่างวางใจ    สติ-แห่งจิต

เมื่อจิตพลิกแล้ว จะเห็น สิ่งต่างๆเป็นแสนเป็นล้าน เป็นสมมติ พร้อมกันเพียงเสี้ยววินาที
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา    (ศรัทธา วิริยะ) สติ (สมาธิ ปัญญา)    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา    นิโรธะคามินีปฏิปทา
หนังสือ
หมายเหตุ ความรู้นี้เฉพาะแก่เรา เท่านั้นเพราะ สภาวะที่เกิดขึ้นของเรา เกิดโดยธรรมชาติ มิได้ตั้งใจให้เกิดตามนี้ แต่มันเกิดขึ้นมาเอง รายละเอียดและแนวทางบางอย่าง อาจไม่เหมาะกับผู้ชมทั่วไป

http://ampolc.ucoz.com/text1/somdej_to_todjit.pdf หน้า 77

  • จิตที่สงบ ด้วยการทำวิปัสสนา
    ด้วยการอบรมจิตใจ ให้เห็นการเกิดดับ ความไม่เที่ยงแท้ ของสังขารที่มีภาวะธรรมทนอยู่ไม่ได้ แล้วสลายไปในที่สุด เป็นการใช้ปัญญาให้เหตุผล

    เพื่อตัด ต้นเหตุของความฟุ้งซ่าน อบรมจิตให้สงบ สมาธิประเภทนี้ส่วนมากจิตมีปัญญาแฝงกับสมาธิ คอยหว่านล้อมจิตให้สงบ เรียกว่าเป็นคนคิดมากด้วยปัญญา แต่เมื่อสงบแล้ว สมาธิจะมั่นคงกว่าประเภทนที่ฝึกสมาธิให้จิตสงบ จนเกิดปัญญา

  • จิตที่สงบ ด้วยสมาธิ
    ส่วนมาก จะมีศรัทธาแก่กล้า มีนิสัยเชื่อง่าย ไม่คอยระวังเฉลียวใจ ที่จะใช้ปัญญานึกพิจารณาถึงเหตุผล จิตจึงมุ่งพุ่งดิ่งด้วยความเชื่อไม่ลังเลสงสัย เวลาจิตจะเข้าถึงจุดสงบ ระหว่างนั้น จิตจะไม่คิดระวังกังขา จึงเหมือนคนตกบ่อตกเหว รวดเดียวถึง "ความสงบ" คือที่พักของจิต เป็นการเข้าสู่ภวังค์ เหมือนภาวะคนกระโดดลงน้ำจะจมดิ่งลงไป แล้วจึงลอยขึ้นมาใหม่ และเมื่อมีสติ เหมือนคนหัดว่ายน้ำเป็นแล้ว ก้สามารถลอยคอ พิจารณาสิ่งแวดล้อมและสามารถว่าไปตามทิศทางที่ตนต้องการ

    ภาวะนั้น จิตจึงค่อยๆ ถอนขึ้นมารับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่มาปรากฏเป็นนิมิตขึ้น แล้วพิจารณาหาเหตุผลที่เกิดในสภาวะธรรมนั้น เรียกว่า เป็นการฝึกอบรมจิตเป็นสมาธิให้เกิดปัญญา คนประเภทนี้มักมีปัญญาอ่อนไหว ลืมตัว สติเผลอได้ง่าย และมักยึดติดอุปาทาน จิตจึงปรุงแต่งขยายเรื่องราวให้เกินขอบเขต หลงจนถอนตัวได้ยาก

    นิมิตที่เกิดขึ้น ได้แก่ นิมิตที่เกิดจากตัวเราเอง และ นิมิตที่เกิดจากสิ่งภายนอกเข้ามาสัมผัส เป็นไปได้ทั้งจริงและไม่จริง

การกำหนดจิต กึ่งกลางระหว่างคิ้ว

ลมหายใจ ผ่านปาก ผ่านดั้งจมูก และ ส่งไปทับถมที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว เป็นการรวมจิตใจ ความนึกคิด ทั้งหลายให้ไปรวมเป็น หนึ่ง ตั้งอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว

บางครั้งจะเกิดความรู้สึกเสียว ที่ดั้งจมูกตรงกึ่งกลางระหว่างคิ้ว ตำแหน่งที่รู้สึกเสียว ที่ตำแหน่งที่วางจิตใจ แล้วเริ่มทำปฏิภาคนิมิต

หน้า 168

เมื่อส่งจิตไปทับถมแล้ว จะเกิดความปวดตึงเป็นจุดอยู่ ค่อยๆ ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปจุดนั้นมากขึ้น จุดเสียวนั้นก็จะหนักอึ้งมากขึ้นๆ จนเกิดอาการเหมือนสว่านหุมนเจาะไช เข้าไปในสมอง จนรู้สึกว่าจุดนั้นมีการวมตัวเป็นกลุ่มก้อนแข็งแกร่ง ไชยิ่งลึก ลึกเข้าไปในสมองเต็มที่แล้ว ทำการรวมจิตใจความนึกคิดอีกชั้นหนึ่ง ตั้งไว้ที่ตำแหน่งท้ายทอย ส่วนบน ทำหน้าที่เป็นที่รวมดีดถีบไปยังจิต ที่รวมเป็นกลุ่มก้อนที่หน้าผากที่จุดเสียวตึงนั้นอย่างแรง จุดเสียวตึงนั้นก็จะถูกดีดอย่างแรงหลุดลอยออกจากร่างกายเนื้อทันที พุ่งเข้าสู่ในอวกาศ ด้วยความเร็วมากจนเหมือนกายเนื้อช๊อคไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงมีสติอีกครั้ง กายทิพย์ก็จะรู้สึกตัวมองเห็นตัวเองกำลังลอยเหาะอยู่บนอวกาศ มีลมผ่านข้างหูอย่างแรง ไม่เบาไปกว่าที่ท่านนั่งซ้อนท้ายรถจักรยาน

และเมื่อกายทิพย์กลับคืนร่าง ก็ตั้งจิตกำหนดนึกถึงกายเนื้อ ทันทีที่ตั้งจิตอยากจะกลับคืนร่าง กายทิพย์นั้นจะดีดกลับเข้าร่างทันที จะมองเห็นกายเนื้ออยู่ในลักษณะเป็นหุ่นอยู่ไม่เคลื่อนไหว และเมื่อกายทิพย์มาถึง ก็จะค่อยๆ กลืนเข้าหากันเหมือนกายซ้อนกาย และค่อยๆกลืนสนิทเข้าเป็นร่างเดียว ถ้าได้สติเต็มที่แล้ว มีอาการใจสั่น ก็ควรที่จะปรับจิตใจ ให้สงบก่อนแล้วจึงคลายออกจากการฝึกจิต


http://ampolc.ucoz.com/text1/Muttothy.pdf - มุตโตทัย ธรรมเทศนาของหลวงปู่มั่น ที่ หลวงปู่วิริยัง ได้บันทึกไว้
ค้นหาได้มาจาก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13075

ธรรมนั้นอย่าพึงเข้าใจว่าอยู่ที่ไหน อยู่ในตัวของเรานี้เอง ที่ว่าอยู่ในคัมภีร์ใบลานนั้นไม่ใช่ เพราะนั่นเพียงใบไม้เขาเอามาจารึก ว่าอยู่ในวัดก็ไม่ใช่ นั่นคือที่อยู่ของหมู่สงฆ์ ว่าอยู่บนอากาศ ป่าไม้ก็ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นอยู่ที่ไหน ? ก็อยู่ในตัวของคนเรานี้เอง รูปธรรม นามธรรมอยู่ไหนเล่า ? นั่นแหละคือธรรม ในตัวของเรานี้มีหมด พระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหันต์ ก็อยู่ในตัวของเรา พระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็อยู่ในตัวของเรา จึงเมื่อใครต้องการปฏิบัติพระพุทธศาสนา ก็มาปฏิบัติในตัวเรา ท่านได้กล่าวคาถาว่า อคฺคํฐนํมนุสฺเสสุ มคฺคํสตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ สามารถทำให้แจ้งได้ซึ่งมรรคผลนิพพาน

จากนั้นท่านก็อธิบายถึงผู้ปฏิบัติที่หลงอยู่ในสมถะ คือหลงอยู่ในฌาน ท่านว่า สมาธิหัวตอ หมายความว่า มันไม่งอกเงยขึ้น เพราะมัวหลงแต่ความสุข โดยมากไม่รู้หนทางที่แน่นอน จึงถือเอาความสุขของฌานเป็นใหญ่เพราะสบายดี แต่ไม่พ้นทุกข์

และท่านก็อธิบายว่า การดำเนินมหาสติปัฏฐาน มีกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นต้น พิจารณาถึงอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ให้เห็นจริงขึ้นภายในจิตนั้น จิตนั้นก็จะดำเนินเข้าสู่อริยสัจจ เข้าสู่องค์มรรคในที่สุด

พระอาจารย์มั่นฯ ได้ให้โอวาทเป็นใจความว่า ข้อปฏิบัติจะให้การปฏิบัติก้าวหน้านั้น ต้องเป็นไปทั้งภายนอกและภายใน ภายนอกนั้น คือความวิเวก หาที่วิเวกปราศจากสิ่งรบกวนต่างๆ ที่อยู่ในป่า ถ้ำ เป็นต้น อย่าไปโฆษณาหาให้คนมาพบหรือวุ่นวายให้มาก อย่าเอาความวิเวกเป็นการอวดอ้าง เมื่อจะอยู่วิเวกอย่าหาเครื่องกังวล เช่น การก่อสร้างอะไรต่างๆ ให้คนหลั่งไหลเข้ามา อย่าอยู่เป็นที่ เพราะการอยู่เป็นที่ทำความกังวล

การปฏิบัติภายนอกก็คือข้อปฏิบัติได้แก่ธุดงค์ ธุดงค์เป็นเครื่องขัดเกลากิเลสที่พระพุทธองค์แสดงไว้ ๑๓ ข้อ เลือกถือเอาที่เหมาะแก่อัธยาศัย เช่น การฉันในบาตร การฉันหนเดียว การบิณฑบาต การถือผ้าเฉพาะสามผืน การอยู่ป่า การอยู่โคนต้นไม้ การเยี่ยมป่าช้า เป็นต้น เหล่านี้ชื่อว่าเป็นข้อปฏิบัติภายนอกที่จะต้องทำ เพราะเป็นอุปกรณ์เพื่อให้เกิดการขัดเกลากิเลส และถ้าหากไม่ทำ ก็จะเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้า หรือเกิดความสงบได้ยาก ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้การปฏิบัติทางใจเจริญงอกงาม

ภายในนั้นได้แก่ การดำเนินจิต ต้องดำเนินทั้งสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ความสงบของใจ โดยการฝึกตามอัธยาศัย ทำจิตให้ปราศจากอารมณ์ มีความตั้งมั่นอยู่ได้ มีสติเป็นเครื่องควบคุมอยู่ มีความเยือกเย็นสบาย นั่งนานก็ไม่เหนื่อย การฝึกที่เป็นเช่นนี้เรียกว่าสมถกัมมัฎฐาน พึงเข้าใจว่าสมถะนี้ ถ้าผู้ใดมาติดอยู่จะทำให้เกิดความงมงายได้ เช่นพวกฤๅษีชีไพรสมัยครั้งพุทธกาล มัวแต่หลงอยู่ในฌาน เป็นรูปฌาน อรูปฌาน เข้าใจว่าตนได้บรรลุพระนิพพานแต่หาได้บรรลุไม่ เพราะเพียงแค่สมถะเท่านั้นจะบรรลุไม่ได้

ในตอนนี้พระอาจารย์มั่นฯ ท่านได้ย้ำถึงวิปัสสนาอย่างหนักหน่วง ท่านได้แสดงต่อไปว่า การพิจารณาตามความเป็นจริง คือ การไม่อยู่นิ่งของใจ ที่ได้รับการอบรมจนแข็งแกร่งด้วยสมถะแล้ว ยกจิตขึ้นพิจารณา ตามอย่างของท่านปัญจวัคคีย์ คือ พิจารณารูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ อันเป็นนามรูป ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน จนเกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย สามารถดำเนินจิตเข้าสู่อริยสัจจธรรมจนรู้แจ้งเห็นจริงได้


ดาวโหลด ... วิสุทธิมรรค 1 วิสุทธิมรรค 2
http://depositfiles.com/files/2vfky5zql

อ่านในเวบเล่ม 1 อ่านในเวบเล่ม 2

18 6 2025
Welcome Guest
Main | Sign Up | Login
เปลี่ยน uID ให้ไปที่ ucoz.com
โดย logout ก่อน
Login form
Calendar
Entries archive
Tag Board
Search
mp3
Changing Partner

nonCopyright © 2025
Make a free website with uCoz